ปี่ไฉน

ปี่ชนิดหนึ่ง ลักษณะเป็นปี่ ๒ ท่อน ถอดออกจากกันได้ (ดู ปี่ ประกอบ) ท่อนบนเรียวยาว ปลายผายออกเล็กน้อยเรียกว่า “เลาปี่” ท่อนล่างปลายบานเรียกว่า “ลำโพง” เมื่อนำมาสวมกันเข้าจะมีรูปร่างเรียวปลายบานคล้ายดอกลำโพง ทำด้วยไม้หรืองา ยาวประมาณ ๑๙ เซนติเมตร ตอนบนที่ใส่ลิ้นลักษณะเป็นรูเล็กประมาณ ๑ เซนติเมตรและตอนล่างรูกว้าง ท่อนลำโพงนั้นควั่นลูกแก้วตรงกลาง ๑ เปลาะ ลำโพงกว้างประมาณ ๗-๘ เซนติเมตร เลาปี่เจาะรูนิ้วเรียงกันตามความยาว ๗ รู และมีรูนิ้วค้ำข้างหลัง ๑ รู ในระดับระหว่างรูที่ ๑ กับรูที่ ๒ ข้างหน้า เหนือรูที่ ๑ กลึงไม้ควั่นเป็นลูกแก้ว ๑ เปลาะ ลิ้นปี่ไฉนทำด้วยใบตาลซ้อน ๔ ชั้นตัดกลมผูกติดกับกำพวด ตอนที่สอดใส่ในเลาปี่เคียนด้วยเส้นด้าย และเหนือเส้นด้ายที่เคียนนั้นมี “กะบังลม” ลักษณะเป็นแผ่นกลมบางทำด้วยโลหะหรือกะลาสำหรับรองริมฝีปาก เพื่อเวลาเป่าจะได้ไม่เมื่อยปาก

 ปี่ไฉนนี้ เข้าใจว่าไทยได้แบบอย่างมาจากเครื่องดนตรีของอินเดีย เรียกว่า Shahnai, Surnai, Sanai หรือ Senai เป็นเครื่องเป่าทำด้วยไม้ ขนาดยาวประมาณ ๓๐ เซนติเมตร มีรู ๗ รู เป่าจากบนลงล่าง ในไตรภูมิพระร่วงมีกล่าวถึง “ปี่ไฉนแก้ว” ว่า “เป่าปี่ไฉนแก้วเลาหนึ่งชื่อว่า นันทไฉน” แสดงว่าไทยคงจะรู้จักและนำมาใช้ตั้งแต่สมัยสุโขทัย แต่ก่อนคงจะนิยมปี่ชนิดนี้กันมาก จึงปรากฏนามบรรดาศักดิ์อยู่ในพระอัยการตำแหน่งนาพลเรือนครั้งกรุงศรีอยุธยา ตำแหน่งพนักงานปี่พาทย์ว่า “ขุนไฉนยไพเราะห์” ซึ่งคงจะหมายถึงว่า เป็นผู้เป่าปี่ชนิดนั้นได้ไพเราะ ในโคลงนิราศหริภุญชัยซึ่งสันนิษฐานว่าแต่งในสมัยอยุธยาหรือก่อนหน้านั้นขึ้นไป เรียกเครื่องเป่าชนิดนี้ว่า “สละไนย” ดังปรากฏในโคลงบทหนึ่งว่า

“นักคุนแคนคู่ค้อง สละไนย
ไพโอฐสลายสบับไส ดอกสร้อย
บางตูบาทบทไป แพงร่ำ รักเอย
เสลยเยอยลหน้าช้อย ชอบด้วยโดยระบำ”

และในลิลิตยวนพ่าย เรียกว่า “ทรไน” ดังปรากฏในโคลงบทหนึ่งว่า
“สรวญศรัพทคฤโฆษฆ้อง กลองไชย
ทุ่มพ่างแตรสังขชวา ปี่ห้อ
มฤทึงค์ทรไนทรอ ทรุพราช
ดังเดือดม้าฬ่อก้อ โกรศกรยงฯ”

 ปี่ไฉนที่ไทยนำเอามาใช้ แต่เดิมจะใช้ในการอันใดบ้างไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด แต่ในหนังสือเรื่องพระอภัยมณี กล่าวถึงปี่ไฉนว่า ใช้ในการประโคมคู่กับแตรสังข์ เวลาพระมหากษัตริย์เสด็จออก เช่น ตอนท้าวสุริโยไทย เจ้าเมืองการเวก เสด็จออกรับ ทูตพระอภัยมณีว่า

“ประโคมทั้งสังข์แตรออกแซ่ซ้อง
ท้าคู่กลองแขกเสนาะเพราะสำเนียง
ปี่ไฉนได้ทำนองกลองชนะ
เสียงเปิงปะเปิงครึ่มกระหึ่มเสียง
อำมาตย์หมอบนอบน้อมอยู่พร้อมเพรียง
บังคมเคียงคอยสดับรับโองการ”

ต่อมา ปี่ไฉนคงนำไปใช้ในกระบวนแห่ คู่กับปี่ชวาซึ่งจ่าปี่ใช้เป่านำกลองชนะในกระบวนพยุหยาตรา