ห้องที่ ๕๙ : พระยาราชวรานุกูล


          แถลงลักษณจักกฤษเกล้าตรีภพ
ไสยาศเหนืออาศน์นพรัตนแพ้รว
แสงทองส่องพรายลบเลอพ่ราง โพยมแฮ
พระดัดผะธมแผ้วผ่องพ้นกมลหมอง
          ชวนพระลักษณเข้าที่สรงสนาน
ไขท่อประทุมธารถั่งต้อง
เลวงกลิ่นผะกากาญจนกลบซาบ ทรวงนา
สนาบเสรจพระสู่ห้องลูบไล้สุคนธปรุง
          สององค์ทรงเครื่องแล้วคัลไลย
ออกน่าพลับพลาไชยเฉีดพร้อย
ประทับแท่นทองอุไรบรมอาศน์
มวนหมู่เสนีน้อยใหญ่เฝ้าฟังการ
          พิเภกสุครีพทั้งหณุมาน
องคตชมภูพาลชาตเชื้อ
ชามภูวราชสุรกาลสุระ แสนแฮ
ไวยบุตโคมุทเกื้อกับด้วยสัตพลี
          นิลนนท์นิลราชพ้องนิลขัน
นิลเอกนิลปานันเนื่องหน้า
อีกนิลปาสันนิลเกษ ขนานนา
กุมมิตันตัวกล้ากลั่นแกล้วปิงคลา
          เกยูรทวิพัทพร้อมพิมลมา ยูรแฮ
โชติมุขวิสันตราแก่รงกร้าว
เกษรทมาลายาณรศ คนแฮ
มหัทวิกันห้าวมหิทธ์เหี้ยมวาหุโรม
          ศรรามกัญจวิกซ้ำมาลุน ศึกเอย
สิบแปดมงกุฎขุนกบี่เฝ้า
ฝ่ายขวาขีดขินหนุนเนืองแน่น ขนานนา
เฉวียงพวกชมภูเข้าขนัดหน้าพลากร
          ทรงสังข์ฟังข่าวเสี้ยนเศิกหาย
สงัดโห่พหลวายว่างเว้น
แต่งานอ่อนจนสายสืบเที่ยง
ตริตฤกเกลือกราพเร้นรบซ้อนกลเรา
          จึ่งถามพิเภกผู้โหรดา ศึกเอย
อุปราชลงกาวาระนี้
ไป่ยกพยุหะมายงยุทธ
ฤๅคิดอุบายลี้ลับไว้เยียไฉน
          พิเภกฟังตรัสน้อมอัญชลี
คนึงนับจับยามตรีเนตรไท้
จวบเวลาร่วมดิถีตณสศ หนึ่งแฮ
ซ้ำสอบลมปราณได้สดวกซ้ายขวาตึง
          ปจักษกิตยจิตรแม่นแท้พลันทูล
ฉลองว่ากุมภกรรฐยูรยาตรย้าย
สู่เฃาสุเมรุมูลลับโมก ขศักดิ์เฮย
ผิว์เสรจสี่คมร้ายฤทธิ์ล้ำฦๅสรวง
          พระสดับโดยถี่ถ้อยทวนซัก โหรเฮย
อาวุธหอกขุนยักษเล่มนี้
ดังฤๅจะเสื่อมศักดาเดช ลงนอ
เห็นเลศเหตุใดชี้ช่องมล้างสาตรมาร
          ทราบเกล้ากระหม่อมด้วยกุมภกรรฐ
สอาดนักรักษสุคันธรศฟุ้ง
อบรมลูบไล้สรรพางค์อยู่ เสมอแฮ
สบสิ่งโสโครกคลุ้มคลื่นไส้เริดหนี
          สรวมพระบรมราชให้หณุ มานเอย
กับนัดดาอินทร์อุกฤษฐเกรี้ยว
เปนกาจับจิกสุนักข์เน่า
เผยกลิ่นโดยเลศเลี้ยวตลบคุ้งชโลธร
          ลอยชลวนชิตใกล้อสุรี
ถึ่งแทบโรงพิธีที่นั้น
เหนจะเกลียดกลัวหนีกลับแน่
คงเสื่อมเสียเชิงชั้นเช่นชี้คำฉลอง
          พิศณุภูวนารถไท้ทรงภุช อาศนเอย
สดับพจนพิเภกสุดเสร็จข้อ
ตรัสสั่งบุตรมารุตหลานมัฆ พาฬแฮ
จงอย่าหวั่นหวาดท้อถับมล้างพิธี
          หณุมานองคตน้อมคำนับ
ถอยเคลื่อนเลื่อนลาลับเนตรท้าว
จากค่ายที่ประทับมรกฎ กูฎเฮย
แสดงเดชหาญฮึกห้าวเหาะขึ้นคัคณานต์
          เสียงสนั่นสท้านทั่วทศทิศ
อากาศพิกลมิดเมฆกลุ้ม
พนมพนัศธรณิศไหวหวั่น
มัวมั่วธุมาคลุ้มขลับเศร้าแสงไถง
          หมายภักตรมุ่งเฉภาะเมื้อเฃาพระ เมรุเฮย
ลอยลิ่วลับเมฆะคว่างคว้าง
ปานวายุเพชระหึงหอบ หวนแฮ
เกือบลุเลงแทตยสร้างสาตรเกื้อตบะฌาน
          โรงเวทเขตรที่ตั้งติฐชาย เฃาแฮ
หนแห่งเนินหาดทรายสระอาน
สองสวากระบัดหมายเมิลราพ พลนอ
นับโกฎินับแสนล้านกบี่ด้อมลงดิน
          ดลแฝงแห่งสงัดเร้นริมเฉนียน
หัดถประนมเหนือเศียรจิตรตั้ง
อิศรเวทวิเสศเพียรผันผ่อน ลมแฮ
เศกจบครบเจ็ดครั้งค่ลองเปลื้องแปลงสกนธ์
          หณุมานแปรรูปแม้นเหมือนโส นักข์เฮย
ลอยเน่าเหม่นฉู่โฉโฉ่กลุ้ม
กาองคตผกโผผันจับ แสกแฮ
ปีกกระพือลมหุ้มหอบต้องอสุรินทร์
          กุมภกรรฐลับหอกแก้วเกริกคุณ มนต์เฮย
สบกลิ่นโสโครกฉุนเฉียบร้อน
เหลือบเลงจวบสกุณกาจิก แสกแฮ
เหมนจัดอัดทรวงขย้อนขยับย้อนอาเจียน
          อักอวนปว่นปั่นปิ้มปานเปน ลมเอย
ลับร่อนหอกหากเห็นห่อนแล้ว
รคายคิดรคางเข็นคคึกเคียด แค้นแฮ
ถลาทลึ่งเถลิงรถแก้วตรัสให้ไคลเมือง
          สองทหารเลงราพร้างเลิกพหล
คลายเวทคงสะกนธ์เก่ากี้
สมมาดโป่รงกระมลปราโมทย์
จากท่าสาครกะปรี้กะเปร่าขึ้นสู่เนิน
          ต่างตนแผลงฤทธิเหี้ยมเหินหาว
ลอยล่องนภาพราวพร่างพร้อย
เฉวียนฉวัดลัดลงราวริมค่าย หลวงเฮย
พลันสู่เผาทูลถ้อยที่มล้างกิตย์ไกษย
          พระกฤษณรักษล้ำฤๅศิลป์
ฟังยุบลสองกระบินทร์เบิกแจ้ง
โสรมนัศหฤไทยถวิลทวีชื่น ชมแฮ
สมเกียรติศิวสรรค์แสร้งสฤษดิได้โดยประสงค์
          จงสวัสดิ์พิพัฒนแผ้วภูลศุข
ยงยิ่งเวทเดชทุกทั่วด้าว
ปราบเผด็จดัษกรยุคเข็ญพิ นาศนา
ประสิทธิ์พรแล้วท้าวเสด็จขึ้นสถิตยสฐาน

จบห้องที่ ๕๙

  เนื้อความกล่าวถึงพระรามออกประทับพลับพลาพร้อมด้วยหมู่ขุนวานรเฝ้าแหน รอฟังข่าวศึกจนค่อนวัน ก็ไม่ได้ยินเสียงกองทัพโห่ร้อง เกรงว่าจะถูกกุมภกรรณซ้อนกล จึงตรัสถาม พิเภกทูลว่ากุมภกรรณทำพิธีลับหอกโมกขศักดิ์ที่เชิงเขาพระสุเมรุ หากลับเสร็จทั้งสี่คม หอกจะเรืองฤทธิ์ ปราบได้ตลอดชั้นพรหมโสฬส พระรามปรึกษาพิเภกหาวิธีทำลายพิธี พิเภกทูลว่ากุมภกรรณรักความสะอาดลูบไล้ร่างกายด้วยเครื่องหอมอยู่เสมอ หากได้กลิ่นเหม็นก็จะคลื่นไส้เตลิดหนี ขอให้หนุมานกับองคตแปลงร่างเป็นกาจิกสุนัขเน่า เพื่อให้ส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลเข้าไปใกล้โรงพิธี หนุมานกับองคตทำตามบัญชา เมื่อกุมภกรรณได้กลิ่นเน่าเหม็น เหลือบเห็นกาจิกสุนัขเน่าลอยน้ำอยู่ ก็คลื่นเหียนอาเจียนจะเป็นลมไม่สามารถทนทำพิธีต่อไปได้ จึงสั่งเลิกพลกลับกรุงลงกา