ห้องที่ ๔๘ : พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช


          ปางมัจฉโฉมเฉิดเชื้อพรหมมินทร์
แต่รักร่วมรศกระบินทรชื่นชู้
ทรงครรภ์หวั่นหวาดถวิลทุกขเทวศ ใจแฮ
เกรงเรื่องจักเร็วรู้ตลอดไท้บิตุรงค์
          จำจักสำรอกร้างจากครรภ์
หวังบิตุรไป่ทันทราบได้
ตริเสร็จสุดาจรัลเนินสมุท นั้นนา
นางประนมกรไหว้เทพยเชื้อเชิญถนอม
          ปวงเทพยที่ฝั่งน้ำทราบกิตย
วานเรศกับมัจฉชิดชื่นเคล้า
นางทรงคัพภาคิดสำรอก
บุตรจะเปนทหารเจ้าจักรแก้วอวตาร
          คิดผดุงพลันป่าวร้องกันมา
สู่หาดทรายชายชลาพรั่งพร้อม
สุรางค์ต่างองค์คลาไคลนั่ง ถนอมแฮ
โฉมมิ่งมัจฉาน้อมศิรไหว้เทวัญ
          พลันสำรอกบุตรพ้นคัพภา
เพศบิตุรมารดากอบเกื้อ
เทเวศรต่างหรรษาคิดสฤษดิ นามแฮ
ชื่อมัจฉาณุเชื้อเทพยไท้พระพาย
          ต่างเทพยอวยสวัสดิแผ้วพรพิปราย
สฤษดิเสร็จธผันผายสู่ฟ้า
มัจฉากอดบุตร์สายสวาศสั่ง สอนเอย
เจ้าอยู่หาดทรายถ้าพบผู้บิตุรงค์
          มีกุณฑลขนเพชรเจ้าจำเตือน ใจนา
เขี้ยวมณีมาไลเหมือนแม่พร้อง
โอฐหาวออกเปนเดือนดาวเด่น เหนแฮ
คือว่าบิดรต้องถ่อมน้อมนับถือ
          สั่งเสรจแสนโศกเศร้าโศกา
พลางร่ำวอนเทวาฝากไว้
ใป่หายห่วงมัจฉาณุลูก รักเอย
ฝืนจิตรจากฝั่งไห้สู่ห้องชโลธร
          บางไทไมยราพเจ้าบาดาล
เสวยสวัสดิโอฬารเลื่องห้าว
ยามเมื่อย่ำสุริฉานสถิตยแท่น ผธมแฮ
จวนจวบจะรุ่งท้าวท่านเคลิ้มหลับฝัน
          เหนไทเทเวศรนั้นถือมณี
มาส่งองคอสุรีรับแล้ว
เทวัญด่วนเหาะลีลาศสู่ สวรรค์นา
ไมยราพชมแก้วแพร้วพลิกฟื้นตื่นผธม
          เสรจสรงทรงเครื่องแล้วจรจรัล
ออกพระโรงกุมภัณฑ์พรั่งพร้อม
ตริเหตุเล่าฝันพลันบอกแก่ โหรเฮย
โหรราชคำนับน้อมนอบเกล้าทูลทาย
          ดวงแก้วที่เทพยนั้นนำมา ถวายฤๅ
คือจะได้บุตราเลิศล้น
แสงสว่างว่าเดชาจักยิ่ง ยงเฮย
ไมยราพยินดีพ้นภักตรแผ้วเพียงจันทร์
          เทวัญดลจิตรเจ้าจอมไอย สวรรยเอย
คิดจะไปเล่นไพรพรุ่งเช้า
สั่งให้จัดพลไกรการประพาศ ป่าแฮ
อำมาตยรับนอ้มเกล้าจากท้องโรงคัล
          จัดพลพฤนท์เทียบพร้อมอสุรา หาญเฮย
พลรถพลอาชาหมู่ช้าง
พลท้าวแน่นรัถยากุมสาต ตราแฮ
ดูประดุจไล่มล้างโลกยสิ้นสุดสวรรค์
          ปางนั้นเจ้าภพใต้ปัถพิน
จากแท่นเสด็จสรงสินธุ์กลิ่นฟุ้ง
สนับเพลารูปนาคินภูษิตร ทรงเฮย
แก้วกระหนกชายแครงรุ้งรักร้อยชายไหว
          รัตนพัตรทั้งเกราะแก้วฉลององค์
ตาบทิศทับทรวงทรงสอดสร้อย
ทองกรอีกธำมรงค์พาหุรัด
มกุฎกันเจียกพร้อยจับพร้อมคทาธร
          ครั้นเสรจเสดจขึ้นรถทรง
ให้ยกเหล่าจัตุรงค์จากด้าว
โลทันขับรถกงกำลั่น เลื่อนแฮ
พลโห่ฮึกแห่ท้าวแน่นทั้งทางหลวง
          ลุไพรให้อยุดยั้งโยธา หาญเฮย
ริมที่ชายเชิงพนาย่านกว้าง
ไมยราพจักรัถาเที่ยวประพาศ พฤกษแฮ
พลจับแรดควายช้างเชือดชิ้นกินมัน
          ปิ่นอสูรชมมิ่งไม้ไพรวัน
ผลิดอกออกแกมกันช่อช้อย
ปักษาร่าเริงผันโผจับ จิกเอย
บางหมู่บินนับร้อยร่ำร้องส่งเสียง
          สุ่หาดชมกรวดแก้วแกมทราย
สีสดเขียวขาวพรายพร่างน้ำ
ที่แดงดั่งเพทายทัดเทียบ ได้เฮย
ดำเปรียบดุจนิลคล้ำแทตย์ไท้คัลไลชม
          แลไปไทท้าวสบกุมารา
ดวงภักตร์เพศเปนพานเรศร์น้อย
แต่หางอย่างมัจฉาขาวผ่อง ผุดแฮ
เลียบหาดเดินต้อย ๆท่านไท้เอนดู
          ตรัสถามนามท่านนี้มีไฉน
พงษเหล่าเจ้าคือใครใคร่แจ้ง
มารดาบิตุเรคไปไหนบ่อ ยลเอย
ใยจึงอยู่หาดแห้งแห่งด้าวกันดาร
          บุตรกระบินทรยินแทตยไท้บัญชา ถามเอย
ทูลแต่โดยเดิมมาไม่พลั้ง
นามข้าชื่อมัจฉาณุเทพย์ สฤษดิ์แฮ
จงทราบโดยเหตุตั้งสัตยน้อมทูลเสนอ
          จอมมารโสมนัศด้วยสมนิมิตร์
ตรัสว่าเรารักสนิทแน่ถ้อย
จงเปนปิยบุตรคิดควรสมัค ใจนา
พลันรับกุมารน้อยสถิตยเบื้องรถทรง
          ปิ่นอสุรตรัสสั่งใหทัพกลับ
เดินด่วนขบวนสัพเนื่องน้อม
จอมมารคิดเหตุลับฦกคาด การแฮ
พลางสั่งพลอยุดพร้อมที่ท้องทางหลวง
          อันกุมารชาติเชื้อมัจฉา
เคยสบายกายาอยู่น้ำ
ไปเมืองจะไม่ผาศุกเช่น ชลเอย
คุณจักเปนโทษซ้ำดังต้องทรมาน
          จึงให้ทำสระแก้วเสร็จการ
ปลูกประทุมในธารร่มกั้ง
อสูรมอบสระสนานในถิ่น นั้นนา
ให้บุตรเลี้ยงอยูรั้งด่านด้าวชลธี
          ครั้นเสร็จสร้างด่านกั้นชั้นใน
บานเบิกราชหฤไทยท่านท้าว
ให้เลิกเหล่าพลไกรจากที่ นั้นแฮ
เสด็จลุนัคเรศด้าวภพเบื้องบาดาล
จบห้องที่ ๔๘

 เนื้อความกล่าวถึงนางสุพรรณมัจฉาสำรอกลูกไว้ที่หาดทราย มีเทวดาคอยระวังรักษา เทวดาให้ชื่อว่ามัจฉานุ ก่อนที่นางสุพรรณมัจฉาจะกลับไป สั่งมัจฉานุให้อยู่ที่หาดทรายรอพบพ่อ และบอกลักษณะของหนุมานว่ามีกุณฑล ขนเพชร เขี้ยวแก้ว และหาวเป็นดาวเป็นเดือน ต่อมา ไมยราพเจ้าเมืองบาดาลมาเที่ยวป่า พบมัจฉานุอยู่ที่ชายหาด จึงนำไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมและสร้างสระให้อยู่

ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “มารดาบิตุเรศไป”
ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “ปิ่นอสุรตรัสสั่งให้”
ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “ให้บุตรเลี้ยงอยู่รั้ง”