เสียงเพลิงคคึกก้อง | โกลา หลเฮย | |
พายุพัดธุมางมา | มืดคล้ม๑ | |
เปลวเพลิงพลุงโพลงอา๒ | กาศวาบ วามแฮ | |
ติดมุขปรางมาศซุ้ม | ทรุดล้มทลายลง | |
ทศเศียรตลึงเล่ห์ล้ม | มลายชนม์ | |
เรียกญาติโยธาพล | สนั่นก้อง | |
กรยุดฉุดนางมณ | โฑอัค คีนา | |
รีบเสดจออกจากห้อง | กับทั้งสนมใน | |
กุมภกรรฐอุปราชท้าว | ทศภักตร์ | |
กรกระลึงโมกขศักดิ์ | หอกแก้ว | |
จูงจันทวดีอัค | เรศรีบ ไปแฮ | |
สนมพนักงานแคล้ว | คลาศเต้าคลาตาม | |
บัดองค์พิเภกท้าว | ยักษา | |
ฉวยสมุดตำรา | ฤกษได้ | |
จูงบุตรยุดตรีชฎา | เดินด่วน | |
เซงแซร่เสียงสาวใช้ | สนั่นเต้าตามหลัง | |
เอกองค์โอรสเจ้า | ลงกา | |
จูงสุวรรณกันยุมา | รีบผ้าย | |
ฉวยศรฤทธิวรา | วุธคู่ หัดถ์แฮ | |
ออกทวาเรศท้าย | นิเวศน์ท้าวทศกรรฐ์ | |
บัดองค์ทศภักตร์เจ้า | จอมมาร | |
ภาหมู่นางในสคราน | ค่อมค้อม | |
ออกจากพระราชถาน | ถึงน่า พลานแฮ | |
พระญาติวงษยักษ์ห้อม | แห่ซ้ายฝ่ายขวา | |
ทศกรรฐพลันสั่งให้ | จัดบุษ บกแฮ | |
อำมาตย์วิ่งอุตลุด | แล่นเต้า | |
ไปโรงรถรีบรุด | นำรถ มานา | |
ถึงประทับกับเกยเข้า | นบไท้ทศเศียร | |
เสดจทรงบุษบกแก้ว | อลงกฎ | |
พระประยูรสนมประนต | นั่งล้อม | |
ลอยเลื่อนสู่บรรพต | นามสัต นานา | |
ถึงประทับสฐานพร้อม | พรั่งหน้าพลานมาร | |
โขลนจ่าวิเสศล้วน | เชาวัง | |
ตกตะลึงตึงตัง | ตื่นเต้น | |
ขนฃองวิ่งไปยัง | ศิขเรศ | |
บ้างออกนอกวังเขม้น | สูด้าวสัตนา | |
แสนส่ำอสุรพวกพื้น | พลมาร | |
ที่อยู่ประจำการ | ช่วงใช้ | |
ต่างตนวิ่งลนลาน | รดมดับ เพลิงแฮ | |
ไฟบ่ดับกลับไหม้ | หมดทั้งวังอสูร | |
เพลิงไหม้นิเวศน์แล้ว | เลยลาม | |
ลมกระพือฮือวาม | วาบฟ้า | |
เปลวเพลิงพลุ่งติดตาม | เรือนราษ ฎรแฮ | |
เพลิงพลุ่งรุ่งโรจจ้า | จับพื้นโพยมมาน | |
ราษฎรพลยักษทั้ง | หญิงชาย | |
ต่างตื่นเสียงเวยวาย | วุ่นว้า | |
หมอช้างตัดเชือกสาย | ปลอกคช สารแฮ | |
นายอัศวตัดแหล่งม้า | ตื่นเต้นตามสถล | |
ลางคนขนกระเช้า | เชิงกราน | |
บ้างแบกโต๊ะฃันพาน | เครื่องใช้ | |
ลางอุ้มลูกเหลนหลาน | ลืมเก็บ ของนา | |
ปล่อยปละละเรือนไหม้ | หมดสิ้นสิ่งของ | |
ทศภักตรเสร็จประทับเบื้อง | ศีขร | |
ทอดพระเนตรดูนคร | เฃตรไท้ | |
เสียดายนิเวศน์นอน | ใจสลด | |
สังเวชพลเมืองได้ | เดือดร้อนทรมาน | |
ลูกลมสมจิตรแค้น | เผานคร ได้เฮย | |
เหนยักษพลเมืองจร | ขจัดผ้าย | |
ได้ทุกขทั่วราษฎร | แดนราพ ร้อนนา | |
สมกับภักตร์ยักษ์ร้าย | หยาบช้าอาธรรม์ | |
ตริพลางทางเหาะขึ้น | เวหา | |
เฉวียนฉวัดกลางนภา | กาศพร้อย | |
สลัดเพลิงที่ติดกา | ยาดับ หมดแฮ | |
ยังที่ปลายหางน้อย | หนึ่งนั้นฤๅสูญ | |
เพลิงพิศม์ฤทธิหอกแก้ว | พระยามาร | |
ร้อนยิ่งเพลิงอื่นผลาญ | ลวกไหม้ | |
วายบุตรสุดทนทาน๓ | ทุกข์เทวศ ร้อนฤๅ | |
จะดับบ่ดับได้ | สุดรู้ฤทริตน | |
บุตรมารุดรุ่มร้อน | รำคาญ | |
เหาะมุ่งมายังธาร | สมุทกว้าง | |
ถึงฝั่งนัทีทยาน | โดดโลด ลงแฮ | |
ดำเกลือกเสือกตัวคว้าง | แล่นเลี้ยวอลวน | |
มหาสมุทดุจบ้าคลื่น | คลี่ฟอง | |
เปนรลอกลั่นไหลนอง | น่านฟุ้ง | |
เอิบอาบลาบลำคลอง | โครมคลื่น | |
ปลาตื่นตกใจสดุง๔ | โดดดั้นขวัญหาย | |
ต่างๆบ้างแล่นเลี้ยว | หลีกหนี | |
ว่ายแหวกแถกวารี | รีบร้น | |
ไปสู่อ่าวชลธี | ธารฦก แลนา | |
ผุดโผล่โผดำด้น | ดึ่งดั้นผันผาย | |
หณุมานบอดับได้ | โดยหวัง | |
เพลิงที่ปลายหางยัง | รุ่มเร้า | |
จนจิตรสดฤทธิผัง๕ | ผายสู่ | |
สำนักนิ์นารทเจ้า | หง่อมง้อมจอมธรรม | |
พลันเข้าพลางนอบน้อม | ประนมกร | |
ดาบศเหนพานร | นั่งใกล้ | |
ลิงกราบกล่าวคำวอน | วานดับ เพลงนา๖ | |
แล้วเล่าเหตุต้นให้ | ทราบสิ้นทุกประการ | |
ฤๅษีสรวลเยาะล้อ | ลิงพลาง | |
สัพยอกพานรทาง | ถ่องถอย๗ | |
เพลิงนิดติดปลายหาง | ดับบ่ ได้นา | |
น้ำที่ในบ่อน้อย | จักไว้ใยหวา | |
หณุมานพลันคิดได้ | โดยไว | |
หางจุ่มโอษฐอมไฟ | อัดอั้น | |
ลมฆานประสาทใน | นาสิก ตนเฮย | |
เพลิงที่ปลายหางนั้น | ดับได้ดังประสงค์ | |
ลูกลมอถิวาทน้อม๘ | นักพรต แล้วนา | |
ลาจากพระนารท | รีบร้น | |
เหาะมุ่งสู่บรรพต | เหมติ รญแฮ | |
ข้ามมหาสมุทพ้น | ล่วงเข้าแดนพนม | |
ลุถึงที่พักพ้อง | พลหาญ | |
องคตชมภูพาล | อยู่เฝ้า | |
วายุบุตรแถลงการ | ไปสืบ ข่าวนา | |
จนพบพระนางเจ้า | จวบได้ถวายแหวน | |
สองนายสดับถ้อย | หณุมาน | |
มีจิตรโสมนัศบาน | เบิกแผ้ว | |
สรเสริญว่ายอดทหาร | พระจักร รัตน์นา | |
เสมอกับขุนพลแก้ว | นึกได้ดังประสงค์ | |
สามนายต่างกล่าวถ้อย | สนทนา กันเฮย | |
จนพระสุริยคลา | ค่ำคล้อย | |
สามกระบี่ต่างไสยา | เอนอาศน์ | |
ทุกทั่วพลใหญ่น้อย | หลับสิ้นทุกตน |
เนื้อความกล่าวถึงเพลิงเผาผลาญเสียงดังกึกก้อง พายุพัดควันมืดคลุ้มไปทั่ว เพลิงเผาไปจนกระทั่งปรางค์ทองพังทลายลง ทศกัณฐ์ มเหสี พระประยูรญาติ พร้อมด้วยบริวาร ต่างพากันหนีไฟออกจากวังไปยังเขาสัตนา เพลิงเผาวังแล้วลุกลามไปยังบ้านเรือนราษฎร เกิดโกลาหลไปทั่วทั้งเมือง ทศกัณฐ์ประทับอยู่ที่เขาสัตนาทอดพระเนตรกรุงลงกา รู้สึกเศร้าเสียดายวังและสลดหดหู่ที่ราษฎรได้รับความเดือดร้อน หนุมานเผากรุงลงกาสมใจ เห็นพลเมืองยักษ์พากันแตกตื่นหนีไฟได้ทุกข์เดือดร้อนไปทั้งเมือง ก็นึกสมน้ำหน้า แล้วเหาะสลัดไฟที่ติดร่างจนดับเหลือแต่ที่ปลายหาง พิษไฟร้อนจนหนุมานเจ็บปวดสุดที่จะทน จึงกระโจนลงมหาสมุทรกลิ้งตัวไปมาเกิดคลื่นใหญ่ แต่ไฟก็ไม่ดับ จึงนึกถึงพระนารทฤษี พระนารทฤษีบอกให้ใช้น้ำบ่อน้อย หนุมานคิดได้จึงอมหาง ไฟก็ดับ แล้วลาพระนารทฤษีกลับไปที่เขาเหมติรันเล่าเรื่องทั้งหมดให้องคตและชมพูพานฟัง