ห้องที่ ๑๖๐ : ขุนวิสุทธากร


           ภควดีศริสวัสดิ์ว้า เหว่ขวัญ หายเฮย
อยู่เปลี่ยวเดียวทรวงศัลย์ หมื่นไหม้
อุ้มโอรสรำพัน เพื่อนยาก แม่เอย
ไร้สิ่งสมบัติไร้ ญาติไร้บิตรงค์
           คราจนครานี้แม่ สุดขัด สนแฮ
สบสิ่งสรรพสมบัติ สุดไร้
แต่ธำมรงค์จรัศ เดียวติด มานา
แม่จะทำขวัญให้ พ่อผู้กลอยเข็ญ
           ถอดแหวนผูกหัตถ์ให้ บุตรา
สรวมสวัสดิเดชา ผ่องแผ้ว
โอรสนิทร์นางมา นบนัก ธรรม์แฮ
ฝากลูกลาคลาศแคล้ว สู่น้ำเชิงไศล
           ยลสวาลูกเกาะหน้า กกหลัง โลดแฮ
หวั่นจิตรสุดคิดสัง เวชพร้อง
เหวยสวาจะระวัง ลูกอย่าง ไรนอ
เล็กเล็กพาเที่ยวจ้อง จักล้างฤๅไฉน
           พานรเฉลยว่านี้ ธรรมดา เราแล
บุตรรักต้องจำพา สถิตย์ใกล้
ทุกข์ไภยสิ่งใดนา มีไป่ กลัวแฮ
นางละบุตรนางไว้ ห่างนั้นดีไฉน
           เทพีสดับสดุ้งคิด โดยไว เชาวน์นา
รีบกลับศาลาไลย ลุแล้ว
อุ้มราชดะไนย รีบสู่ เฉนียนแฮ
สรงโสรตเยาวราชแผ้ว ผ่องพ้นมลทิน
           สิทธาสมาธิแล้ว ลืมหลาน น้อยแฮ
กลับนึกได้ลนลาน รีบเต้า
บงบ่อพบกุมาร เที่ยวเสาะ แสวงเฮย
ไป่ปะเหนื่อยนั่งเศร้า เร่าร้อนฤดีดวง
          จำกูจักก่อตั้ง การอา หุดีแฮ
ชุบราชกุมารา ลอบไว้
ก่อนนางกลับจรมา ลุปริ เวณแฮ
วาดรูปกุมารได้ เสร็จแล้วถะเกิงกูณฑ์
           เทวีสรงเสร็จเต้า ศาลา
นบพระสิทธาเหน จึ่งพร้อง
นางฝากบุตรกลับพา ไปไป่ บอกเลย
ทำรูปให้วุ่นต้อง แต่งตั้งพิธีกรรม์
           ครานี้ไป่ต้องก่อ กาลา กุณฑ์แฮ
หยิบรูปเลขาจะ ลูบไล้
นางทัดพระสิทธา พระโปรด พระเอย
เชิญชุบเถิดจักได้ อยู่ด้วยนัดดา
           นักสิทธิว่าชอบแล้ว นงคราญ
กลับก่อกาลากรานต์ รุจกล้า
ร่ายเวทใส่กุมาร รูปที่ เพลิงเฮย
เกิดมะหัศจรรย์หล้า ลั่นคลุ้ม โพยมหน
           ภอสว่างมืดเมฆแผ้ว กุมาร เกิดแฮ
ในที่ท่ามกลางกรานต์ แน่งน้อย
พระร่ายเวทย์เกิดธาร พรรษดับ เพิลงเฮย
อุ้มกุมารคลาศคล้อย ส่งให้เทวี
           อรรคเรศร์ทรงรับแล้ว ปรีดา
อุ้มแอบนารถสองรา แช่มช้อย
ยลโฉมปิยะบุตรสา ทรชื่น ชมแฮ
งามยิ่งงามไป่น้อย ลักษณล้ำเสมอกัน
           นางขอสมเยศให้ กุมาร สองเฮย
นักสิทธิสอบคูณหาร เลือกใช้
โดยขัติยนามขนาน รอญโทษ ปวงแฮ
อายุบริวารได้ ปลอดพ้นกาลกิณี
          จึ่งว่าโอรสเจ้า แจ่มจันทร์
มงกุฎสมยาสรร เศกซร้อง
กุมารบุตรบุญธรรม์นามลบ น้องนา
จงนิราศไภยพ้อง สวัสดิ์แผ้วสองเกษม
           ภควดีประนตน้อม อำลา พระแฮ
อุ้มกุมารสองคลา สู่ห้อง
ให้ขีระธารา สองบุตร เสวยเฮย
ถนอมดะไนยพี่น้อง ค่ำเช้าผดุงสงวน
           จนสองไวยวัฒน์ได้ สิบฉนำ
นางสู่พระนักธรรม์ นอบไหว้
สองนารถไป่ชาญชำ นาญสาตร ศิลป์เลย
พระโปรดสั่งสอนให้ เพื่อแผ้วกันไภย
           มุนินทร์ยินชอบด้วย บังอร
เปนธุระตาจะสอน สั่งให้
นางเผยพจน์สุนทร ปลอบกุ มารแฮ
ตรัสเสร็จอภิวาทไหว้ กลับห้องปริเวณ
           จึ่งองค์นักพรตล้ำ ปรีชา
สอนสั่งไตรยวิทยา หน่อน้อย
ให้สองเร่งศึกษา เสร็จสรรพ เวทเฮย
ไวว่องคล่องไป่ด้อย เผด็จพลั้งดังแถลง
           จึ่งเหลาเวฬุค้อม เปนคัน ศิลป์แฮ
ศรหนึ่งลูกสามปัน แบ่งให้
สองหลานละคันสรรพ์ สอนอุป เท่ห์เฮย
สองรับจากหัดถ์ไท้ ปนตแล้วลาจร
           ลุสฐานร่มโศกเชื้อ ผกาไสว
เปนที่จงกรมใน เฃตรนั้น
หักดอกโสกปักไกล ห้าสิบ วานา
ศรซัดแผลงตรงดั้น ตอกต้องกระจายพรู
          นักสิทธิยลหน่อน้อย สองชาญ เชี่ยวแฮ
จึ่งเริ่มกาลากรานต์ กิจแกล้ว
ร่ายเวทยวิศณุดาล เกิดมหัศ จรรยฮา
กุณฑ์ถเกิงโพลงแพร้ว พ่างรุ้งเพลิงกัลป์
           เกิดเปนเทพบุตรแกล้ว กลางยัญ เพิลงแฮ
ทายเทิดศิลป์สองคัน เพริศแพร้ว
กับศรหกเล่มบรร จบประกับ กันนา
นักสิทธิ์หยิบออกแล้ว เทพย์นั้นพลันหาย
           พระอวยพรเพิ่มแล้ว ส่งศร ให้แฮ
เยาวราชรับพรธนู เทิดเกล้า
ลาไอยะกาจร สู่ชะนะ นีนา
นางทราบโสมนัศเฝ้า ชื่นชื้นชูกระมล
           ทั้งสองไสยาศพร้อม กับเพลา แม่แฮ
ตรัสจะลาชมเขา ช่อไม้
เทวีปลอบยุพเยาว์ อนุญาต สองนา
ไปพ่ออย่าไกลให้ เร่งรู้ระวังกัน
           สองทรงศรสาตรแล้ว กราบมาร ดรแฮ
สองราชจรดลสฐาน ป่าไม้
ชมสัตว์ส่ำพฤกษสาร โขตศิ ขรเฮย
เพลินเที่ยวชมเพลินไท้ ลุด้าวเหิมพานต์
           ยลรังแสนอ้อมใหญ่ สาขา ครึมเฮย
พระเชษฐบอกอนุชา เชิดชี้
จะลองเดชศรปรา กฎเกียรดิ์ ไว้นอ
แผลงพฤกษารังนี้ เพื่อให้แหลกลาญ
           ทรงแผลงพิฆาฏต้น พระยารัง
หักโค่นโก่นเพิกพัง แหลกล้ม
บันฦๅนฤนาทดัง ตลอดทั่ว ภพแฮ
มานุษย์เทพาก้ม ภักตรว้าหวาดสยอง

จบห้องที่ ๑๖๐

  เนื้อความกล่าวถึงนางสีดาถอดธำมรงค์ที่ติดนิ้วมาผูกข้อมือรับขวัญโอรส แล้วฝากโอรสไว้กับดาบสก่อนจะไปลำธารเชิงเขา ระหว่างทางนางเห็นแม่ลิงอุ้มลูกแนบอก จึงว่าแม่ลิงพาลูกเล็กมาด้วยน่ากลัวอันตราย แม่ลิงตอบว่านางทอดทิ้งลูกไว้ไกลตัวนั้นดีหรือ นางได้คิดจึงกลับไปอุ้มโอรสจากอาศรมพาไปอาบน้ำชำระกาย ฝ่ายดาบสขณะบำเพ็ญสมาธินึกขึ้นได้ถึงกุมาร ลืมตาดูไม่เห็น เที่ยวตามหาแต่ไม่พบ จึงคิดจะประกอบพิธีอาหุดีชุบโอรสคืนให้นาง ครั้นเห็นนางสีดากลับมาพร้อมโอรส จึงต่อว่านางและจะลบรูปวาดเลิกพิธี แต่นางสีดาขอให้ชุบกุมารขึ้นเป็นเพื่อนกัน ดาบสจึงทำพิธีชุบรูปวาดเป็นกุมารรูปลักษณ์งดงามคล้ายคลึงโอรส และตั้งนามโอรสว่า มงกุฎ ตั้งนามกุมารที่ชุบนั้นว่า ลบ ครั้นกุมารทั้งสองเจริญวัยได้ ๑๐ ปี นางจึงขอให้พระดาบสสอนศิลปวิทยาการ กุมารทั้งสองเรียนรู้และฝึกฝนวิชาได้รวดเร็วคล่องแคล่ว ดาบสจึงประกอบพิธีกาลากรานต์และร่ายเวทวิษณุกาล กลางกองเพลิงนั้นบังเกิดเทพบุตรทูนศร ๒ คันและลูกศร ๖ เล่ม ดาบสมอบศรให้กุมารทั้งสอง กุมารจึงขออนุญาตนางสีดาไปเที่ยวป่าลองวิชา เมื่อไปถึงต้นรังใหญ่กลางป่า พระมงกุฎจะลองอานุภาพของศรจึงแผลงศรใส่ต้นรังจนหักสะบั้น เกิดเสียงกัมปนาททั่วพื้นพิภพ เทวดาและมนุษย์พากันตกใจหวาดหวั่น