ห้องที่ ๑๕ : ขุนมหาสิทธิโวหาร


          พออรุณไพโรจถ้วนทุกนาย ไพร่เอย
ต่างประกวดแต่งกายทั่วผู้
ผองพนักงานหมายมาพรั่ง พร้อมแฮ
สารวัดเกณฑ์แห่รู้เร่งริ้วเตรียมคอย
          จวนฤกษราเมศเข้าสรงชล
ไขประทุมเทียมฝนถั่งฟ้า
เย็นทราบอาบสกลกายผ่อง ผิวแฮ
ทรงสุคนธรศกล้ากลิ่นฟุ้งจรุงใจ
          พระทรงภูษิตซ้อนสนับเพลา
สรวมสนอบชายแครงเพราเพริศแพร้ว
ตาบทิศทับทรวงเฉลาฉลุเลิศ เพชรแฮ
ทรงประวิชมกุฎแก้วเสร็จพร้อมพลันจร
          ถึงเกยพระเสด็จขึ้นทรงยาน มาศเฮย
กระทั่งแตรสังข์ประสารแซ่ซ้อง
พระหลวงหมื่นขุนกรานศิโรตม์ กราบนา
เสียงประโคมคคึกก้องสั่งให้เดินขบวน
          ทหารปลายริ้วลากปืนจร
ขุนแสะถือธงสลอนสลับผ้าย
อาษาเหล่านิกรกุมสาตร สรรพ์แฮ
ขุนหอกแห่ขวาซ้ายสี่ริ้วเรียงเดิน
          แปดกรมตำรวจถ้วนขัดกระ บี่เฮย
นายมหาดต้นเชือกรยะเรียบร้อย
จ่าปี่จ่ากองชนะคฤกครั่น ประโคมแฮ
สรรพ์เครื่องสูงพร่างพร้อยเพริศพริ้งพรายสุวรรณ์
          คู่เคียงหกคู่เข้าเคียงเดิน รวังเฮย
แสงสาตรหว่างเครื่องเชิญเชิดตั้ง
บังสูริยพัชโบกเหินหนโบก สบัดฤๅ
พระกลดดวงมาศกั้งเชิดตั้งบังไถง
          หลังเดินสี่ริ้วเรียบรายสาย
ตนทหารในสพายกบี่บั้ง
พลพันอิกทะนายเลือกหอก
กรมพระแสงทวนทั้งสาตรต้นทองปราย
          เครื่องสงบังแทรกชั้นในขบวน
หอกง่ามเครื่องทองมวญแห่ห้อม
แสงง้าวหว่างเครื่องควรพยุหะ แลนา
โดยราชดำเนินพร้อมพรั่งล้วนมหาดเชิญ
          สินธพสองเทศแท้รวางใน
ถัดถนัดธนูไชยดาบดั้ง
ดาบโล่ห์ดาบเขนอุไรดาบคู่ ถือเอย
ปืนใหญ่จ่ารงค์ทั้งคู่ล้อหลังขบวน
          ครบเสรจ์เขบ็จริ้วพยุหะ เดินเอย
งามหมู่ขบวนจังหวะพรั่งพร้อม
งามสมเดจองค์พระราเมศร
งามพระญาติวงษล้อมเนื่องเข้าขบวนตาม
          ฝ่ายประชาราษฎร์อื้ออึงอล
มุงขบวนพยุหะยลยาตรเต้า
เล็งพระจักรกฤษณ์กลอมเรศร์ จรฤๅ
ต่างประนตน้อมเกล้าโอษฐเอื้อนชมบุญ
          สมเปนสมมติไท้เทวดา
สมพระเสวยสวรรยาทั่วด้าว
สมสืบอวตารมาปราบกัษ กรเฮย
สมพระเกียรดิ์ยิ่งท้าวทั่วหล้าฤๅเทียม
          จงพระเดชกระเดื่องด้าวแดนอยุท ธยาเฮย
จงพระเรืองฤทธิรุตม์ยิ่งล้น
จงพระโปร่งญาณอุดตมะเลิศ แลนา
จงปรปักษหลีกพ้นพ่ายด้วยบารมี
          พันเอิญอาเภทร้อนหฤไทย รามเอย
หวิวห็วั่นรรัวในอุระเร้าน
ลืมเล็งเหล่าพลไกรแหนแห่ ประโคมเฮย
จนจกจวนเฃตรเข้าแทบใกล้โรงพิธี
          ถึงประทับเกยมาศแล้วบทจร
มหาดเชิญเครื่องสลอนสลับหน้า
โดยเสด็จพระสี่กรเนืองเนื่อง อนันต์แฮ
เถลิงราชอาศน์จ้าจรัดแกวแกมกาญจน์
          พระทรงอภิวาทแล้วบูชิต
ดาบศพระวสิฐธิ์ที่ต้น
ที่สองพระสวามิตรเคียงนั่ง อยู่แฮ
ทั้งชฎิลหลามล้นเหล่าล้วนบริวาร
          สองพระดาบศเถ้าทฤษดี รามเฮย
ทรงเครื่องงามเฉกรพีผ่องฟ้า
นักสิทธิศิศย์มุนีขนานนั่ง ชมนา
พลางเคร่าเจ้าจอมหล้าหลากช้าฉันใด
          งายจวนจักได้ฤกษศุภมง คลเฮย
นักสิทธิสั่งอมาตย์จงรีบเฝ้า
กราบทูลทธรฐองค์อธิราช เทอญแฮ
ว่าพระสิทธาเจ้าคณให้ทูลเชิญ
          สุมันตันรับสั่งแล้วเรวคลา คลาศเฮย
บรรลุพระทวาราจักเฝ้า
ภอประจวบค่อมทาษีสถิตย ทวารแฮ
อมาตยบอกรบุเค้าสั่งถ้อยทูลพระนาง
          ฝ่ายกุจจีค่อมแจ้งขยิ่มใจ จรเฮย
สมที่คิดกลในนึกนั้น
ถึงเข้ากราบอรไทยทูลเรื่อง สั่งนา
ว่าอมาตย์มาซั้นโปรดเกล้าทูลเตือน
          ไกยเกษีสดับรู้กิจสรรพ์ สั่งเอย
จงกุจจีจรพลันเถิดเจ้า
บอกอำมาตยสุมันตันทูลพระ รามนา
บิตุเรศให้มาเฝ้าที่ท้องพระโรงใน
          นางค่อมรับสั่งแล้วจรลี รีบแฮ
ดลอมาตย์กุจจีนอบไหว้
แสดงโดยพระเสาวนีตรัสสั่ง มานา
เชิญพระจักรกฤษณ์ให้เสด็จเฝ้าบิตุรงค์
          สุมันตันสดับนจ้งวาจา
คิดยิ่งคิดสงกากิจร้อน
เยียใดจึ่งจักหาโอรส มาเฮย
พลางตริพลางยาตรย้อนสู่ไท้แถลงพลัน
          หริวงษทรงทราบถ้อยพาที ทูลเฮย
ตริว่าเหตุคงมีแม่นหมั้น
อำลาพระมุนีหมายสู่ ชนกนา
มาจวบพระนางกั้นอยุดยั้งยังทวาร
          พระนางชายเนตรเยื้องยลองค์ รามเอย
ตรัสว่าพระบิตุรงค์สั่งให้
พ่อไปผนวชเนาดงโดยเพศ ชฎิลนา
สิบสี่ปีจึ่งได้กลับเข้าครองกรุง
          พระสดับกลับตริถ้อยนางแถลง
ไฉนพระบิดรแพลงพลาดกี้
ตรัสใดดุจพระแสงขรรค์ขีด ผาเฮย
หวนตริว่าเลศนี้ชอบเค้าอวตาร
          ทูลตอบพระโปรดให้ถวัลย์เวียง
จำจิตรสุดคิดเถียงห่อนได้
ถึงแต่พระแม่เพียงเผยโอฐ สั่งนา
ข้าก็ยอมรับไว้ตรัสแล้วลาจร

จบห้องที่ ๑๕


  เนื้อความกล่าวถึงพระรามเตรียมจะเลียบเมือง พอจวนจะได้ฤกษ์เคลื่อนกระบวนแห่ พระฤษีให้สุมันตันไปทูลท้าวทธรฐ สุมันตันไปพบนางค่อม จึงบอกให้นางค่อมไปทูลนางไกยเกษี นางไกยเกษีจึงอ้างรับสั่งท้าวทธรฐให้พระรามเข้าเฝ้า และคอยดักบอกพระรามว่าท้าวทธรฐสั่งให้พระรามออกผนวชไปอยู่ป่า ๑๔ ปีก่อน แล้วกลับมาครองกรุงอยุธยา พระรามนึกแปลกพระทัยที่ท้าวทธรฐเปลี่ยนพระทัย โดยปรกติท้าวทธรฐตรัสแล้วก็เหมือนพระขรรค์ขีดบนแผ่นศิลา พระรามหวนคิดว่าน่าจะเป็นโอกาสที่จะได้ปฏิบัติตามที่อวตารลงมา จึงทูลว่าแม้นางไกยเกษีจะสั่งเองพระองค์ก็ยอมรับได้