ห้องที่ ๑๒๘ : พระปลัดสิง


           วโรรสทศภักตร์ผู้เรืองศรี
กับพี่เลี้ยงวรณี สุรแกล้ว
ถึงเฃตรพระกุฎี กาลนัก ธรรมเฮย
แสนสุดยินดีแผ้ว ผ่องน้อมนมัสการ
           ดาบศบงบุตรเจ้า ลงกา
กับวรณีสูรมา นบเกล้า
จึ่งมีพจนปรา ไสทัก กุมารเอย
หลานรักมาใยเจ้า เร่งแจ้งกิจจา
           บิตุรงค์ทรงตรัสใช้ จรจรัล
เฝ้าพระจอมมลิวัน สื่อถ้อย
น้ำกรดด่านเพลิงกัลป์ สุดจัก จรนา
ขอพระโปรดหลานน้อย บอกแจ้งมนต์ขลัง
           นักสิทธิฟังถ้อยห่อน สงไสย
เธอจึ่งบอกซึ่งไตร เวทล้ำ
อุปเทเล่ห์หลักใน โสฬศ จบแฮ
กอบกิจแก้เพลิงน้ำ กรดทั้งล่องหน
           หน่อนารถอยู่ด้วยพระ สิทธา
เรียนจบวิทยาลา คลาศคล้อย
รีบรัดตัดมรรคา จวบด่าน ไฟแฮ
ยลอสุรใหญ่น้อย ก่อตั้งพิธีกรรม
           เปนเพลิงโพลงพลุ่งร้อน เปลวตลบ
ปานประหนึ่งไตรภพ จักไหม้
อัดจิตรอ่านมนต์จบ สามคาบ เป่าฮา
เพลิงกรดกลับเอย็นได้ เป่าซ้ำกายหาย
           รีบรัดตัดเข้าเฃตร รัฐยา
ถึงด่านในยักษา เพียบพื้น
บริกรรมเรียกนาคา ผุดพ่น พิศม์เฮย
น้ำกรดไหลครั่นครื้น ฦกกว้างสุดแล
          สกดใจร่ายเวทแล้ว กำทราย
ปรายปราดลงตอ้งสาย อุทกแห้ง
ชวนพี่เร่งผันผาย จวนจวบ ค่ำเฮย
รวิลับจันทรแจ่มแจ้ง หยุดยั้งแรมทาง
           ปางจอมจักรวรรดิเจ้า มลิวัน
เสวยรัชมไหสวรรย์ ผอ่งแผ้ว
มวญมาตยเชี่ยวชาญฉกรรจ์ เชิงยุทธ นาฮา
สามโลกย์ฤๅฤทธิแกล้ว ทั่วท้าวสยองหยอน
           พระผธมเหนืออาศนแก้ว ฉายฉัน
นิมิตรว่าสุริยัน แจ่มจ้า
ตกลงพะสุธาพลัน ดับรัศ มีเฮย
ดวงหนึ่งศรีเหลืองฟ้า แข่งขึ้นลอยโพยม
           มีพรานผู้หนึ่งน้อม บุศบงก์ ถวายเอย
ท้าวรับทรงทัดทรง ชื่นชอ้ย
จนผการว่งโรยลง ผวาตื่น ผธมเฮย
สรงเสรจทรงเครื่องคล้อย สู่ท้องพระโรงคัล
           ประทับเหนือแท่นแล้ว บรรหาร
ดูกอ่นโหราจาริย สี่เจ้า
คืนนี้เทพยบันดาล ฝันปลาด เจียวนา
ดำหรัสตามข้อเค้า จบสิ้นฝันแถลง
           ขุนโหรลงเลขแจ้ง พลันทูล
ซึ่งสุริยแสงจรูญ จรัสฟ้า
ตกลงดับแสงสูญ คือพระ สหายเฮย
อันเปรื่องเรืองฤทธิกล้า สุดสิ้นชีวัน
           ดวงเหลืองได้แก่เจ้า ธานี ใหม่นา
ห่อนจักมีฤทธี กอบเกื้อ
พรานนำบุษบ์มาลี นอบนบ ถวายเอย
พระจักได้หน่อเนื้อ ชาติเชื้อครไลหงษ
          ทรงสดับวับจิตรว้า หฤไทย
เอะพระสหายองค์ใด ชีพม้วย
ยิ่งนึกยิ่งหนักใน ทรวงรุ่ม ร้อนแฮ
สี่ภักตร์สลดด้วย ไม่รู้เหตุการ
           ฝ่ายไพนาสุรทั้ง วรณี สูรเฮย
ครั้นพระสุริยศรี ส่องหล้า
ชวนกันรีบจรลี เข้าสู่ นครแฮ
สองยักษห่อนรอช้า รีบขึ้นศาลเวร
           ลดองค์ลงแจ้งแก่ เสนา มารเอย
ว่าพระจอมลงกา ตรัสใช้
จำทูลราชกิจจา จอมมลิ วันแฮ
โดยขนบพันธุมิตรไท้ ท่านได้นำทูล
           เสนาพาสู่เฝ้า ทูลสาร
ว่าพระพงษพรหมมาน ธิเบศรเจ้า
ใช้สองอสุรไชยชาญ แหนบาท พระนา
ขอพระผู้ร่มเกล้า ทราบเบื้องบาทบงษุ์
           จอมพงษทรงสดับเอื้อน โองการ ถามเฮย
สหายรักยังสำราญ ผ่องแผ้ว
ฤๅมีหมู่อรินหาญ เหิมย่ำ ยีนา
ใช้ท่านสองคลาศแคล้ว เพื่อด้วยกิจไฉน
           หน่อนารถถวายจอกแล้ว พจนา ทูลเอย
ว่าพระจอมนัครา ร่มเกล้า
สูญสิ้นพระชนมา ยุเพราะ อรินเอย
สหายญาติหลายทบเท้า มอดด้วยศรราม
           ข้าบุตรทศภักตร์ผู้ ทรงธรรม์
เมื่อพระสิ้นอาสัญ สู่ฟ้า
ข้าบาทอยู่ในครรภ์ มาตุเรศร
ต่อค่อยเจริญใหญ่กล้า จึ่งแจ้งเหตุผล
          บัดนี้พิเภกได้ สวรรยา
ปวงมาตยราษฎร์โยธา สุดร้อน
ข้าบาทจึ่งหนีมา หวังพึ่ง พระเฮย
ทูลพร่ำร่ำชอ้อน อ่อนเกล้ากรรแสง
           ทรงฟังคั่งแค้นดุจ เพลิงผลาญ
เหม่ ๆ พิเภกหาญ โหดไร้
กูจะบั่นหั่นประจาน เปนท่อน ท่อนฮา
สาจิตรมันส่อไส้ ศึกให้ผลาญวงษ
           พลางปลอบโอรสแล้ว บัญชา
เหวยอสุรจงกรีธา ทัพแกล้ว
กูจะไปเหยียบลงกา จับพิเภก ผลาญแฮ
สั่งเสรจชวนลูกแคล้ว เสดจขึ้นปรางศรี
           ครั้นอรุณรุ่งแล้ว สรงสนาน
ทรงเครื่องอลังการ สุกย้อย
แปดหัดถจับสาตรหาญ ดุจเวศ สุวรรณเฮย
ชวนหน่อนารถคลาศคล้อย เสดจขึ้นรถทรง
           ได้ฤกษเลิกทัพแกล้ว จรลี
ข้ามโฃดคิรีศรี หมู่ไม้
เสียงรถคชโยธี เหิมฮึก สนั่นเฮย
ดลด่านลงกาให้ อยุดยั้งพลขันธ์
           ฝ่ายไพนาสุรน้อม เกษา ทูลเอย
ลูกจักคืนลงกา สู่เฝ้า
อย่าให้พระมารดา ทราบเหตุ นี้นอ
ว่าลูกนำเสดจเต้า พรั่งพร้อมจตุรงค์
           เชิญเถิดนะพ่อผู้ ปรีชา
จักยกพลตามคลา เคลื่อนแคล้ว
หน่อนารถนบบาทลา เสดจจาก รถเอย
ชวนพี่ผู้ใจแกล้ว รีบเข้าลงกา

จบห้องที่ ๑๒๘

  เนื้อความกล่าวถึงไพนาสูรและวรณีสูรบอกพระกาลดาบสว่าบิดาสั่งให้ไปเมืองมลิวันจึงมาขอเรียนมนตร์เพื่อผ่านแก้ด่านไฟกรดและน้ำกรด พระดาบสจึงสอนมนตร์แก้ซึ่งทำให้ล่องหนได้ด้วย เมื่อไปถึงด่านไฟกรดจึงร่ายเวทสามคาบเป่าให้เพลิงกรดเย็นลง เมื่อเป่าซ้ำอีกทีก็หายตัวได้ จึงรีบผ่านเข้าไปด่านชั้นในซึ่งพญานาคพ่นพิษเป็นน้ำกรด ไพนาสูรจึงร่ายมนตร์และกำทรายขว้างไปน้ำก็แห้ง แล้วชวนพี่เลี้ยงรีบเดินทางต่อจนพลบค่ำ จึงหยุดพักแรม ฝ่ายท้าวจักรวรรดิฝันว่าดวงอาทิตย์แสงเจิดจ้าตกลงยังพื้นดินและรัศมีดับ แต่มีอีกดวงหนึ่งสีเหลืองลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า มีพรานผู้หนึ่งนำดอกไม้มาถวาย พระองค์รับมาทัดหูจนดอกไม้ร่วงโรยลง โหรทำนายว่าดวงอาทิตย์จรัสแสงที่ตกลงดับแสงนั้นคือพระสหายผู้เรืองฤทธิ์ได้สิ้นชีพ ส่วนดวงเหลืองคือเจ้าเมืององค์ใหม่ไม่มีฤทธิ์ พรานนำดอกไม้มาถวายคือพระองค์จักได้พบเชื้อสายของสหาย รุ่งเช้าไพนาสูรและวรณีสูรจึงไปเฝ้าท้าวจักรวรรดิ ท้าวจักรวรรดิจึงทราบว่า ทศกัณฐ์พร้อมทั้งเผ่าพงศ์และสหายทั้งหลายล้วนสิ้นชีพด้วยศรของพระราม ไพนาสูรเล่าว่าบัดนี้พิเภกได้ครองเมือง อำมาตย์และราษฎรได้รับความเดือดร้อน ตนจึงหนีมาหวังพึ่ง ท้าวจักรวรรดิจึงสั่งให้จัดทัพไปกรุงลงกา เมื่อถึงหน้าด่าน ไพนาสูรทูลว่า จะล่วงหน้าไปเฝ้าพระมารดาก่อน ขอท้าวจักรวรรดิอย่าบอกพระมารดาว่าตนไปขอทัพเมืองมลิวันมากรุงลงกา