ห้องที่ ๑๒๗ : พระปลัดสิง


           ไพนาสูรบุตรเจ้าจอมยักษ์
อายุสิบสามศักดิ สุดแกล้ว
วันหนึ่งคิดใคร่จัก ประภาษ สวนเฮย
ทูลพระบิตุเรศแล้ว รีบผ้ายสรงชล
           สรงเสรจทรงเครื่องพริ้ง เพราองค์
เลออาศนราชดุรงค์ เพริศพร้อม
ขุนยักษพี่เลี้ยงจง ใจภักดิ์ เคียงนา
ขบวนแห่สองสายห้อม ล่วงเข้าสวนขวัญ
           ถึงปทับเกยมาศแล้ว ลีลา
ชมสั่าผลผกา ช่อช้อย
จวบบ่ายพระเสด็จคลา ยังพลับ พลาเอย
เถลองอาศนวิเชียรพร้อย พรั่งพร้อมกุมารแหน
           พี่เลี้ยงเคียงแท่นแก้ว ลำยอง
พลางตริความหลังตรอง หม่นไหม้
ไพนาเล่นคนอง ไป่ทราบ ชนกนา
กูจะทำเลศให้ พระน้องฉงนถาม
           อสุรินทรคิดแล้วหลั่ง อสุชล
ทำเล่ห์เสสรวญปน โศรกเศ้รา
หน่อนารถเหลือบเนตรยล ฉงนจิตร ถามเอย
ดูก่อนพระพี่เจ้า โศรกแล้วใยสรวล
           พี่เลี้ยงฟังมิใคร่เอื้อน วัจนา
ทำท่วงทีกิริยา ขุ่นข้อง
เหลียวภักตร์เหลือบซ้ายขวา โดยเล่ห์ ทูลเฮย
สุดจิตรสุดจักพร้อง แพร่ถ้อยทูลถวาย
           เธอฟังเธอยิ่งซ้ำ สงไสย
งำเงื่อนความลับใด แม่นแท้
จูงพี่สู่ห้องใน ทรงกซิบ ถามเฮย
เชิญพี่เผยพจนแก้ เงื่อนให้หายฉงน
          พี่เลี้ยงอ่อนศิรโรตม์น้อม ทูลพลัน
ข้าโศกด้วยทศกรรฐ์ แก่นหล้า
รามลักษณยกกบี่รัน รอญชีพ มลายแฮ
เพราะพิเภกชั่วช้า ส่อเสี้ยนศึกหาญ
           อันซึ่งพิเภกนี้ เปนอา
มิใช่พระชนะกา ผ่านเผ้า
องค์บิตุเรศรหน่อนรา นามทศ กรรฐ์แฮ
แม้มิเชื่อทูลเกล้า สอบถ้อยมารดร
           พระกุมารสดับถ้อย วรณี สูรเอย
เจบจิตรดังศรศรี เสียบไส้
แสนขุ่นพระไทยทวี พูลเทวศ
ดาลเดือดมิเหือดไห้ กลับเข้าคืนวัง
           ถึงเฝ้าพิเภกแล้ว ทูลลา
เสดจสู่ปรางมารดา สุดลห้อย
มณโฑอรรคชายา ยลบุตร พิไรเอย
กรกระกองลูกน้อย พร่ำถ้อยวอนถาม
           อ้าพ่อ ๆ ผู้ร่วม ชีวง
ใยพ่อจึ่งมาทรง โศรกเศ้รา
กริ้วกราดสิ่งใดจง บอกแม่ หน่อยเอย
เงยภักตรเถิดทูลเกล้า อย่าเฝ้ากรรแสง
           สดับเสาวนิตแล้ว ทูลถาม
โอ้พระแม่อำความ ลับไว้
จอมภพขัติยทรงนาม ทศภักตร์ แลนา
ไฉนเหตุพระจึ่งได้ สุดสิ้นชีวัน
           นางสดับวับหวั่นว้า หฤไทย
พลางปลอบวรดะไนย เกลื่อนถ้อย
องค์พิเภกนะยาใจ จงฝาก องค์เอย
ฟังแม่เถิดหน่อน้อย อย่าได้สงไสย
          ฟังตรัสยิ่งอัดอั้น พระอูรา
สองเนตรหลั่งชลนา ร่ำไห้
นางนาฎกอดลูกยา แสนเทวศ ทวีเอย
มิอาจจะอำความไว้ ปลอบแล้วไขสาร
           นางทรงเล่าแต่ต้น จนหมด ความเอย
พิเภกน้องคิดคต ต่อไท้
พระรามโปรดเติมยศ เสิมสืบ วงษนา
จึงประทานแม่ไว้ฝ่ายซ้ายมเหษี
           ห่อนรู้ว่าแม่นี้ มีครรภ์
หมายว่าพ่อจอมขวัญ บุตรท้าว
อ้าแม่ซึ่งพงษพันธุ์ ของบิตุ เรศร์นา
ล้วนแต่ทรงเดชห้าว หมดแล้วฤๅเหลือ
           เหลือแต่จักรวรรดิเจ้า มลิวัน นาพ่อ
แปดหัดถ์เดชมหันต์ สี่หน้า
ฉะนั้นลูกจักผัน ผายพึ่ง ท่านเฮย
เชอญยกพยุหกลั่นกล้า ฆ่าอ้ายอาธรรม
           อย่าพ่อๆ อย่าเหี้ยม ฮึกหาญ
ราเมศรคืออวตาร แก่นไท้
ปวงกรบินทร์ฤทธิไชยชาญ เทพยจุ ตินา
ฟังแม่พ่ออย่าได้ หมิ่นท้าวสี่กร
           ลูกก็ชายชาติเชื้อ อาชา ไนยเฮย
ห่อนจักเกรงรามา เท่าก้อย
อย่าพ่อแต่บิดา อาพี่ แลแฮ
สหายญาติมาตยใหญ่น้อย วินาศด้วยศรทรง
           ฟังตรัสขัดขุ่นข้อง หมองศรี
จำจิตรรับเสาวนี ยาตรเต้า
ถึงพี่ร่วมชีวี ทรงปฤก ษาเอย
น้องคิดจักไปเฝ้า อสุรท้าวมลิวัน
          พระดำริห์ชอบแล้ว ทรงยศ
แต่ด่านน้ำไฟกรด กีดกั้น
เหนแต่พระดาบศ กาลนัก ธรรมนา
อาจดับเพลิงน้ำนั้น เหือดแห้งปรสงค์
           หนึ่งจอกที่ท้าวร่วม ไชยบาน
จงลักไปเปนพยาน หน่อน้อย
แม้พระจักทูลสาร เหนไม่ แคลงนา
สองต่างปฤกษาถ้อย ห่อนให้ใครยิน
           ยามเฝ้าขืนจิตรเฝ้า กุมภัณฑ์
ได้ช่องบังคมคัน ท่านไท้
ขอลาพระทรงธรรม์ เรียนศิป สาตรเฮย
ยังพระดาบศได้ โปรดเกล้าเกษี
           พิเภกสดับโอรสน้อม ทูลลา
ท้าวมิได้สงกา เคลือบไคล้
เชอญเถิดนะลูกยา จงเปรื่อง เดชเฮย
รู้รอบจักมอบให้ สืบเชื้อพงษมาร
           หน่อนารถอ่อนศิโรตม์น้อม รับพร
ลาราพสู่มารดร ด่วนเฝ้า
ลูกรักจักลาจร เรียนวิท ยาเฮย
ยังพระดาบศเจ้า เฃตรด้าวไพรสณฑ์
           นางนาฎสดับพจนเอื้อนอวยไชย
จงสฤษดิดังมโนใน หน่อน้อย
วโรรสชื่นหฤไทย สมคิด ลาเฮย
เม้นจอกเนาวรัตน์คล้อย จากห้องปรางศรี
           ครั้นถึงกระซิบถ้อย ริมกรรณ พี่เฮย
จอกซึ่งอันสำคัญ หนึ่งได้
แล้วชวนพี่จรจรัล ออกจาก นครแฮ
เดินตัดลัดหมู่ไม้ เถื่อนท้องไพรสณฑ์

จบห้องที่ ๑๒๗

  เนื้อความกล่าวถึงเมื่อไพนาสูรอายุได้ ๑๓ ปี ระหว่างไปเที่ยวป่า วรณีสูรพี่เลี้ยงบอกความจริงว่า บิดาไพนาสูรคือทศกัณฐ์ ส่วนพิเภกเป็นอา และเป็นเสี้ยนศึกที่ทำให้ทศกัณฐ์ถูกพระราม พระลักษณ์สังหาร หากไม่เชื่อก็ให้ไปถามพระมารดา ไพนาสูรจึงไปถามนางมณโฑ นางจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง และบัดนี้พงศ์เผ่าของทศกัณฐ์หมดสิ้นแล้ว เหลือแต่ท้าวจักรวรรดิเจ้าเมืองมลิวันผู้มีสี่หน้าแปดกร สหายของทศกัณฐ์ ไพนาสูรจึงจะไปขอความช่วยเหลือให้ยกทัพมาปราบศัตรู นางมณโฑห้ามไว้เพราะพระรามคือพระนารายณ์อวตาร ไพนาสูรไม่เชื่อจึงไปปรึกษากับพี่เลี้ยงว่าจะไปเฝ้าท้าวจักรวรรดิ พี่เลี้ยงบอกว่าเมืองมลิวันมีด่านน้ำไฟกรดกั้นอยู่ มีแต่พระดาบสเท่านั้นที่จะดับเพลิงกรดได้ และแนะให้ลักจอกน้ำที่ทศกัณฐ์และท้าวจักรวรรดิเคยดื่มน้ำสาบานร่วมกัน เพื่อนำไปเป็นหลักฐานว่าเป็นโอรสทศกัณฐ์ ไพนาสูรจึงไปทูลลาพิเภกขอไปเรียนวิชากับพระดาบส แล้วไปทูลลาพระมารดา ไพนาสูรได้จอกน้ำแล้วจึงออกจากเมืองไปพร้อมพี่เลี้ยง