พระกฤษณะผู้ทรงคุ้มครอง คือ พระนารายณ์ ในที่นี้หมายถึง พระราม ในความว่า
“พระกฤษณรักษรู้ | ทีองค์ อนุชแฮ” |
“สุครีพเหาะไปยัง | กัทลิ วันแฮ” |
ผ้าปิดของลับ มีสายรัดใต้สะโพก ในความว่า
“โกษีย์ส่งแว่นเวียน | เสร็จดับ เพลิงนา” |
“เหนคิชฌขาวเฃตรเบื้อง | บูรพ์ทิศ” |
เจ้าแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ คือ พระอินทร์ ในความว่า
“ปางองค์อัมเรศรเจ้า | จอมไตร ตรึงษเฮย” |
เจ้าเมืองจารึก คือ วิรุญจำบัง ในความว่า
“จอมบุรินทร์จาฤกรู้ | โกรธา ยิ่งแฮ” |
พระอิศวร ผู้สถิตอยู่ที่เขาไกรลาส ในความว่า
“เงยภักตร์พอพบเจ้า | จอมไศล” |
พระกฤษณะผู้ทรงจักร คือ พระนารายณ์ ในที่นี้หมายถึง พระราม ในความว่า
“จักรกฤษแผลงตอบไป | เกิดน้ำ” |
ศรจักรพาลพัง, ชื่อศรของพญาขร อนุชาของทศกัณฐ์ ในความว่า
“ราพพิโรธขะเม่นซ้ำ | ปล่อยด้วยจักรพาฬ” |
ผู้ทรงจักรแก้ว คือ พระนารายณ์ ในที่นี้หมายถึง พระราม ในความว่า
“จักรรัตน์ตรัสตอบแม้น | มลายชีพ จริงนอ” |
พลวานรในกองทัพพระราม ในความว่า
“เกริกเกริ่นจังเกียงกล้า | แซ่ฆ้องเสียงขาน” |
ศรของพระราม แผลงเป็นเมรุแก้วในตอนปลงศพพาลี ในความว่า
“ทรงลั่นจันทวาทิตย์ | โลกย์สท้าน |
เปนเมรุรัตน์ชวลิด | เลอภาคย์” |
น่าจะหมายถึง จิตตการ, ผู้สังเกตการณ์ ในความว่า
“นายจิตรการทราบคล้อย | เคลื่อนเฝ้าทูลรบิล” |
ผู้ทรงจักร คือ พระนารายณ์ ในที่นี้หมายถึง พระราม ในความว่า
เทวดาแห่งเขาหิมาลัย ในความว่า
“ปางจอมเทเวศรเจ้า | หิมวานต์” |
ชื่อช้างในตระกูลพรหมพงศ์ กายสีขาว งาสีขาวเงินยวง หาง เท้า และสันหลังสีแดง เป็นช้างทรงสำหรับพระจักรพรรดิ ในความว่า
เฉนียน, ฝั่งน้ำ ในความว่า
“ห้ากระษัตริยเสดจข้าม | เฉนียนชล” |
“ธารกรชัลลุกเข้า | เกาะคาง ลิงแฮ” |
“ดัดผธมสนานวา | รีสุ คนธ์นอ” |
มุขมนตรีวานรชาวเมืองขีดขินและเมืองชมพู ผู้มาเป็นพลวานรในกองทัพพระราม ในความว่า
“เตียวเพชตระเวนคิด | คอยจับ มารแฮ” |
“นางรบำรำร่ายร้อง | ถวายหัถถ์” |
“กรมทนายเลือกต้อน | รับตั้งโต๊ะเรียง” |
ผู้ทรงครุฑเป็นพาหนะ คือ พระนารายณ์ ในที่นี้หมายถึง พระราม ในความว่า
“ทรงครุธหยุดคิดรู้ | แยบคาย สิ้นแฮ” |
ผู้ถือสังข์ คือ พระนารายณ์ ในที่นี้หมายถึง พระราม ในความว่า
“ทรงสังข์รับสั่งแล้ว | อวยกนิษฐ ก่อนแฮ” |
เทพอรชุน เมื่อสู้รบกับอสูรเทพบุตรชื่อรามสูร ถูกรามสูรจับฟาดกับ เขาพระสุเมรุจนสิ้นชีพ ในความว่า
“เทพประชุนเรายัง | จับเขวี้ยง” |
“กองทัพล้วนแทตยเว้น | จอมพลา กรเฮย” |
พระนารายณ์บรรทมสินธุ์ ในที่นี้หมายถึง พระราม ในความว่า
“ไนยเนตรนางเลงต้อง | เนตรไท้ผทมสินธุ์” |
ธนูที่ท้าวชนกได้รับจากพระอิศวร พระองค์ทรงใช้ในพิธีเลือกคู่ให้นางสีดาผู้ใดสามารถยกธนูนี้ได้ก็จะได้อภิเษกกับนาง ในความว่า
“ท้าวใดเคยคู่สร้าง | บุตรี กูนา |
ยกธนูโมฬี | เชิดช้อน” |
พนักงานฝ่ายพิธีธรรม ในความว่า
“ธรรมการเกณฑ์ให้ออก | อารัญ |
เผดียงคณะนักธรรม์ | ทุกด้าว” |
นหุต = จำนวนนับเท่ากับเลขหนึ่งมีศูนย์ตามหลัง ๒๘ ตัว ในความว่า
“เหลือคะเนคะณะ | นับเหุต แสนเฮย” |
“นักสิทธิ์สนเท่ห์ตั้ง | กระทู้ขู่ถาม” |
ศรที่พระพรหมประทานให้อินทรชิต แผลงเป็นฝูงนาค ในความว่า
“แผลงนาคบาศฤทธิ์รอน | รวดผ้าย |
เปนนาคเกลื่อนกลาดสลอน | รวบรัด ริปูแฮ” |
เสาที่ปักรายเป็นแถวไว้ระยะแต่ละต้นห่างกันพอควร สำหรับแสดงเขต ในความว่า
“หอรบนางจรัลครื้น | ครึกป้อมปืนราย” |
พนักงานตีฆ้องหน้าขบวนแห่นักโทษประจาน ในความว่า
“นายชมองตีฆ้องกระ | แตนำ หน้าเอย” |
“บทวลัญช์มานุษยท้าว | แทตยยล เหนฮา” |
“มุขลดสี่เหลี่ยมบาน | บังอวด อุไรแฮ” |
ลูกท้าวจักรวรรดิ คือ บรรลัยจักร ท้าวจักรวรรดิ พญายักษ์สี่หน้าแปดมือเป็นเจ้าเมืองมลิวัน ในความว่า
ลูกพระอินทร์ คือ กากาศหรือพาลี พระอินทร์ลงมาร่วมอภิรมย์กับนางกาลอัจนา ชายาของฤษีโคดม นางให้กำเนิดบุตร คือ กากาศ ซึ่งต่อมากลายเป็นวานรตามคำสาปของฤษีโคดม มีชื่อว่า พาลี ในความว่า
ลูกพระพาย คือ หนุมาน พระอิศวรแบ่งกำลังของพระองค์พร้อมกับเทพอาวุธ ให้พระพายนำมาซัดเข้าปากนางสวาหะ กำเนิดเป็นวานรหนุมาน ซึ่งพระพายรับเป็นบิดา ในความว่า
“บุตรมารุตโจมผจญ | กลางเศิก อสูรแฮ” |
ลูกพระอาทิตย์ คือ สุครีพ พระอาทิตย์ลงมาร่วมอภิรมย์กับนางกาลอัจนา ชายาของฤษีโคดม นางให้กำเนิดบุตรคือ สุครีพ ซึ่งต่อมากลายเป็นวานร ตามคำสาปของฤษีโคดม ในความว่า
“บุตร์รวีประนดน้อม | เอางาน” |
พาลี, ดูที่ บุตรมัฆวาน ในความว่า
“บุตรสหัศไนยนั้นข้า | จักแจ้งใจจริง” |
พาลี, ดูที่ บุตรมัฆวาน ในความว่า
“เกรงแต่ชมภูนี้ | เพื่อนท้าวบุตรอินทร์” |
ลูกอินทรชิต คือ กันยุเวก แม่คือนางสุวรรณกันยุมา ในความว่า
“บุตรอินทรชิตสองโสรม | มนัศสบ ช่องฮา” |
เต้าน้ำ เป็นเครื่องราชูปโภค ใช้สำหรับทรงรับน้ำอภิเษกหรือใช้บรรจุน้ำพระพุทธมนต์หรือน้ำเทพมนตร์ ในความว่า
“เบญจะครรโภทกทั้ง | กลิ่นรศ สุคนธ์เอย” |
น้ำวิเศษใช้เป็นกระสายยาแก้ฤทธิ์หอกโมกขศักดิ์ของกุมภกรรณ อยู่ที่เมืองอยุทธยา ในความว่า
“อิกเบญจะนทีมา | เปนกระ สายแฮ” |
“ชิงประวิชลักษมี | คว่างคว้าง” |
น้ำวิเศษใช้เป็นกระสายยาแก้ฤทธิ์หอกโมกขศักดิ์ของกุมภกรรณ อยู่ที่เมืองอยุทธยา ในความว่า
“แต่ปัญจะสินธุ | มีอยุทธ ยาแฮ” |
น้ำวิเศษใช้เป็นกระสายยาแก้ฤทธิ์หอกโมกขศักดิ์ของกุมภกรรณ อยู่ที่เมืองอยุทธยา ในความว่า
“พลางหยิบขวดรัตนน้ำ | ปัญจนะ ทีนอ” |
“ปางใดได้รับทิ้ง | ปาสาณ ถมเฮย” |
ผู้มีเชื้อสายพรหม คือ ทศกัณฐ์ พระอัยกาของทศกัณฐ์ คือ ท้าวมหาอัชดา พรหม เมื่อท้าวสหบดีพรหมสร้างกรุงลงกา ได้มอบให้ท้าวมหาอัชดาพรหม ครอง และเปลี่ยนนามให้เป็นท้าวจตุรพักตร์ ท้าวจตุรพักตร์มีโอรสเป็นยักษ์ ชื่อ ท้าวลัสเตียน ซึ่งเป็นบิดาของทศกัณฐ์ ในความว่า
“พงษแผนแขนหนึ่งอุ้ม | อรสี ดาเอย” |
พรหมาสตร์ ศรวิเศษที่พระอิศวรประทานให้อินทรชิต ในความว่า
“กรจับพรหมมาศแกล้ว | สถิตยเบื้องสอสาร” |
ศรวิเศษที่พระฤษีชุบให้พระราม ในความว่า
“รามจับพรหมมาศศร | ประสิทธิสั่ง ให้แฮ” |
ผู้ทรงหงส์เป็นพาหนะ คือ พระพรหม ในความว่า
“รฦกคุณพระครรไล | หงษนมัส การแฮ” |
เจ้าแห่งเขาพระสุเมรุ คือ พระอินทร์ ในความว่า
“พระจอมเมรุมาศทั้ง | นางสุชา ดาเอย” |
ผู้ทรงจักร คือพระนารายณ์ ในที่นี้หมายถึง พระราม ในความว่า
“พิศเพ่งพระจักรา | คลาศแคล้ว” |
ผู้ทรงจักร คือ พระนารายณ์ ในที่นี้หมายถึง พระราม ในความว่า
“นี่จึงพระจักรี | เผด็จสวาศ กูเอย” |
พระนารายณ์ ในที่นี้หมายถึง พระราม ในความว่า
“นางสดับพระทรงจักร | ด่าแจ้ว” |
ผู้มีเชื้อสายพรหม หมายถึง ทศกัณฐ์, ดูที่ พงษแผน ในความว่า
“พระพงษกมเลศให้ | กูกัน แดนแฮ” |
ผู้อยู่ในวงศ์ของพระนารายณ์ คือ พระราม ในความว่า
“พระพงษพิศณุเทพยไท้ | ภุชพล” |
ผู้ทรงตรีศูล คือ พระอิศวร ในความว่า
“พระศุลีมีจิตร์เอื้อ | เอนดู” |
ผู้ประทับบนพญานาค คือ พระนารายณ์ ในที่นี้หมายถึง พระราม ในความว่า
“พระอาศนอุรุคห้าว | หาญฤทธิ” |
พราหมณ์พวกหนึ่งมีหน้าที่ทำพิธีเกี่ยวกับช้างและปัดเสนียดจัญไร ในความว่า
“กรมพราหมณพฤฒิบาศทั้ง | หุรดา จาริยเอย” |
ศรของพระราม แผลงเป็นลมพายุ บางทีเป็นฝน ในความว่า
“พลายวาตพระแผลงมล้าง | แหลกสิ้นฤทธิขวาน” |
ผู้มีพันหน้า คือ สหัสสเดชะ พญารากษส เจ้าเมืองปางตาล เป็นมิตรของทศกัณฐ์ ในความว่า
ศรของพระราม แผลงไปแล้วเกิดแสงสว่าง บางทีเป็นพายุฝน ในความว่า
“พลางลั่นพาลจันทแผ้ว | ผ่องแจ้งเหนอสูร” |
เทวดานายช่างของพระอินทร์ ในความว่า
“จึ่งสั่งพิศณุกรรม์ | เรวเร่ง ไปเฮย” |
พรหมภักตร์ คือ ยอดปราสาทเป็นรูปพรหมสี่หน้า ในความว่า
“ภักตร์พรหมผ่องระยับ | เรืองโรจน์ กาญจน์นา” |
“ภักตรสี่แปดโสตรหา | เหตุทราบ แล้วเฮย” |
มักขิกา, แมลงวัน ในความว่า
“อ่านเวทกลับกลายตู | เปนมลัก ขิกาแฮ” |
มาตุลี, สารถีพระอินทร์ ในความว่า
“มาตลีลาคล้อย | รถขึ้นคืนสวรรค์” |
พลับพลา, โรงพิธี ในความว่า
“จิตรการเร่งปลูกมา | ฬกพิ ธีนอ” |
ม้าที่ปล่อยในพิธีอัศวเมธ ในวรรณคดี พิธีอัศวเมธเป็นการประกาศพระบรม เดชานุภาพของพระราชา พระราชาจะทรงปล่อยม้าอุปการพร้อมกับกองทัพ ไปยังแว่นแคว้นต่าง ๆ ถ้าที่ใดไม่อ่อนน้อมกองทัพก็จะเข้าโจมตี เมื่อครบ ๑ ปี แล้วกองทัพจะยกกลับ พระราชาจะจัดพิธีฆ่าม้าอุปการนี้เพื่อบูชายัญ ในความว่า
“หมดมุฑิลสอดแคล้ว | สุดสิ้นสงไสย” |
หอกเมฆพัทเป็นอาวุธวิเศษที่พระอิศวรประทานให้สุริยาภพโอรสท้าว จักรวรรดิ สุริยาภพใช้หอกเมฆพัทสังหารพระสัตรุศ ในความว่า
“จับหอกเมฆพัททรง | สถิตย์รถ รัตนเอย” |
“รำยวนภู่มาไลย | เลวงกลิ่น ตลบนา” |
พระลักษมีชายาพระนารายณ์ ในที่นี้หมายถึง นางสีดา ในความว่า
“ลักษมีศรีสวัสดิ์แก้ว | กัลยา ณีแฮ” |
หนุมาน, ดูที่ บุตรมารุต ในความว่า
“ลูกลมโลดรำบาน | บุกรุก ราพนา” |
ที่เป็นไพร่พล เป็นบริวาร ในความว่า
“ลิงเลวหวาดวุ่นว้า | ขวัญหาย” |
เทพแห่งสายฟ้า คือ พระอินทร์ ในความว่า
“วัชรินทรเทพยทั้ง | อมร มากนา” |
ลูกพระพาย คือ หนุมาน, ดูที่ บุตรมารุต ในความว่า
“วายุบุตรทยานเข้า | เข่นเขี้ยวขู่ถาม” |
พระวิษณุหรือพระนารายณ์ ในที่นี้หมายถึง พระราม ในความว่า
“กษัตริย์สี่เสดจใกล้ | วิศณุแล้วโศกศัลย์” |
เทวดานายช่างของพระอินทร์ ในความว่า
“วิศุกรรมรับสั่งแล้ว | รเห็จคลา” |
ไวกูณฐ์, ชื่อที่ประทับของพระนารายณ์ ในที่นี้หมายถึง การอวตารของพระนารายณ์ ในความว่า
“เราไวยะกูลมา | สมเหตุ แล้วแฮ” |
“เสี่ยงศิลป์โมฬิศตั้ง | พิธี การแฮ” |
การครองราชย์โดยถือว่ากษัตริย์เป็นสมมติเทพ ในความว่า
จำนวนนับเท่ากับเลขหนึ่งที่มีศูนย์ ๑๔ ตัว ในความว่า
“กองหลวงพลสิบห้า | สมุทอัด แอเอย” |
“มวญสวาวิ่งกระเจิง | กระเจิ่น จรแฮ” |
ต้นยาวิเศษชื่อสังกรณี และต้นยาวิเศษชื่อตรีชวา อยู่ที่เขาสรรพยา ใช้แก้ฤทธิ์ หอกโมกขศักดิ์ของกุมภกรรณ ในความว่า
“แล้วจรัญบรรพตพร้อง | สัพยา เกบเฮย |
สังกรณีตรีชวา | ที่แท้” |
ผู้ทรงสังข์ คือ พระนารายณ์ ในที่นี้หมายถึง พระราม ในความว่า
“สังขกรกับลักษณน้อง | เสด็จสรง” |
“สิทธาบรู้เท่า | เสียที ลิงนา” |
เสนาวานร ๑๘ ตนที่อวตารจากเทวดาต่าง ๆ มาเป็นกำลังพลในกองทัพพระราม ในความว่า
“สิบแปดมกุฎเหี้ยม | เหิมฤทธิ์” |
เครื่องปูลาดทำด้วยผ้าเยียรบับไหมทองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า สำหรับ ทอดถวายพระมหากษัตริย์หรือพระบรมวงศ์ เป็นที่ประทับหรือทรงยืน ในความว่า
“สุจิตรานาฎนำลัก | ษมีสู่ แท่นเอย” |
“พระจอมเมรุมาศทั้ง | นางสุชา ดาเอย” |
ลูกพระอาทิตย์ คือ สุครีพ, ดูที่ บุตร์รวี ในความว่า
“สุริยบุตรกลับโกรธพ้อ | พระราม ไฉนเฮย” |
ลูกพระอาทิตย์ คือ สุครีพ, ดูที่ บุตร์รวี ในความว่า
“แกล้งเสี่ยวหักพฤกษา | สนั่นก้อง” |
“เสือป่าแมวเซาด้อม | ดอดสุ้มเสรจสรรพ์” |
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ในความว่า
“จรจากคันธมาตน์แคล้ว | บ่ายหน้าหรดี” |
พระนารายณ์ ในที่นี้หมายถึง พระราม ในความว่า
“พระลักษณ์เหนหริเพี้ยน | จริตผิด” |
พระนารายณ์ ในที่นี้หมายถึง พระราม ในความว่า
“หริรักษรึงจิตรว้า | วุ่นด้วยดวงสมร” |
มัจฉานุผู้เป็นลูกของหนุมาน (ลูกลม), ดูที่ ลูกลม ในความว่า
“หลานลมว่องไวคือ | จักรผัด ผันแฮ” |
องคตผู้เป็นลูกของพาลี, ดูที่ พาลี ในความว่า
“หลานอินเหยียบยุคุนธร | ถีบโยก โยนเฮย” |
พราหมณ์พวกหนึ่งมีหน้าที่สวดสดุดีและอัญเชิญเทพต่าง ๆ ให้มาร่วมในพิธีบูชาบวงสรวง ในความว่า
“กรมพราหมณพฤฒิบาศทั้ง | หุรดา จาริยเอย” |
ศรของพระรามแผลงเป็นจักรแก้ว บางทีเป็นไฟ ในความว่า
“ทรงจับอัคนีวาต | หน่วงน้าว” |
หมี, น่าจะแผลงมาจากเค้าบาลีว่า อจฺฉ ในความว่า
อาศวาส ลมหายใจเข้า ในความว่า
“วิเวกแว่วอัศวาตเร้า | พิลาปล้มสลบลง” |
“ทรงรับอายาจแล้ว | พลันลา พรตแฮ” |