โกโฮ

Clausena lenis Drake

ไม้พุ่ม มีขนสั้นนุ่มทุกส่วนยกเว้นผิวใบด้านบน ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงสลับ ใบย่อยรูปใบหอก ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ออกตามง่ามใบและปลายกิ่ง ดอกสีขาวมีจุดประสีเขียว ผลแบบผลมีเนื้อหนึ่งถึงหลายเมล็ดค่อนข้างกลม มีต่อมน้ำมันสีเขียวเข้มกระจายทั่วผล ผลสุกสีขาว ม่วง หรือน้ำเงิน มีจุดประสีเขียวอ่อน

โกโฮเป็นไม้พุ่ม สูง ๒-๔ ม. มีขนสั้นนุ่มทุกส่วนยกเว้นผิวใบด้านบน

 ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงสลับ ก้านใบรวมแกน กลางยาว ๓๕-๔๐ ซม. มีใบย่อย ๑๑-๑๗ ใบ เรียงสลับรูปใบหอก กว้าง ๒.๕-๗.๗ ซม. ยาว ๓.๕-๑๖.๕ ซม. ปลายเรียวแหลมหรือทู่ โคนสอบและเบี้ยวยกเว้นใบที่ปลายยอดขอบใบหยักซี่ฟัน แผ่นใบบาง ด้านบนเกลี้ยง ยกเว้นตามเส้นกลางใบและเส้นแขนงใบมีขนประปราย ด้านล่างมีขนสั้น เส้นแขนงใบข้างละ ๕-๘ เส้น ก้านใบย่อยยาวประมาณ ๑ ชม. มีต่อมเล็ก ๆ กระจายห่าง ๆ ตามโคนก้าน ใบประดับขนาดเล็ก

 ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ออกตามง่ามใบและปลายกิ่งมีขนสั้นนุ่ม ดอกสีขาว ดอกตูมรูปไข่หรือรูปขอบขนาน ก้านดอกยาว ๑-๓ มม. กลีบเลี้ยง (๔)-๕ กลีบ รูปไข่ ขนาดเล็กมาก ปลายกลีบทู่ ขอบกลีบเป็นขนครุย กลีบดอก (๔)-๕ กลีบ รูปขอบขนานแกมรูปไข่ กว้าง ๒-๔ มม. ยาว ๔-๕ มม. กลีบหนา มีจุดประสีเขียว มีต่อมน้ำมันจำนวนมาก เกสรเพศผู้ ๘ อัน ยาวเสมอกลีบดอก ก้านชูอับเรณูสั้นและแบนติดด้านหลังของอับเรณู อับเรณูรูปใบหอก ยาวประมาณ ๓ มม. แตกตามยาว ก้านชูอับเรณูสั้นมาก รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ รูปไข่มีต่อมและขนประปรายหรือเกลี้ยง มี ๒ ช่อง แต่ละช่องมีออวุล ๒ เม็ด ก้านยอดเกสรเพศเมียยาว ๓-๔ มม. ยอดเกสรเพศเมียเป็นตุ่มครึ่งวงกลม สีดำ

 ผลแบบผลมีเนื้อหนึ่งถึงหลายเมล็ด ค่อนข้างกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง ๕-๘ มม. มีต่อมน้ำมันสีเขียวเข้มกระจายทั่วผล เมื่อสุกสีขาว ม่วง หรือน้ำเงิน มีจุดประสีเขียวอ่อน ก้านผลยาว ๓-๗ มม. มี ๔ เมล็ด รูปกลม รี และแบน สีดำ กว้าง ๓-๔ มม. ยาว ๔-๕ มม.

 โกโฮมีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทางภาคเหนือพบบริเวณชายป่าดิบเขาและป่าเบญจพรรณ ที่สูงจากระดับน้ำทะเล ๔๐๐-๑,๐๒๕ ม. ออกดอกระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน เป็นผลระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม ในต่างประเทศพบที่จีน เวียดนาม และลาว.

ชื่อหลักหรือชื่อทางการ
โกโฮ
ชื่อวิทยาศาสตร์
Clausena lenis Drake
ชื่อสกุล
Clausena
คำระบุชนิด
lenis
ชื่อผู้ตั้งพรรณพืช
- Drake del Castillo, Emmanuel
ช่วงเวลาเกี่ยวกับผู้ตั้งพรรณพืช
- (1855-1904)
ผู้เขียนคำอธิบาย
นายทนงศักดิ์ จงอนุรักษ์