เต่าร้างยักษ์ภูคา

Caryota obtusa Griff.

ชื่ออื่น ๆ
จึก (กะเหรี่ยง-น่าน); เต่าร้างยักษ์, เต่าร้างยักษ์น่าน (ทั่วไป)
ปาล์มลำต้นเดี่ยวขนาดใหญ่ ช่วงกลางลำต้นป่อง โคนต้นมีรากพิเศษหนาแน่น มีรอยแผลของกาบใบเป็นแนวขวางตามลำต้นเห็นชัด ใบประกอบแบบขนนกสองชั้น เรียงเวียนเป็นกระจุกที่ปลายยอด ใบย่อยรูปสามเหลี่ยมคล้ายหางปลาถึงรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ปลายแหว่งไม่เป็นระเบียบ กาบใบและช่อดอกมีขนสั้นหนานุ่มสีเทาอ่อนและเกล็ดสีน้ำตาลอมแดงกระจายทั่วไป ขอบกาบใบเป็นเส้นใยสีดำสานกันเป็นร่างแห ดอกแยกเพศร่วมต้น ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ออกตามซอกใบ ห้อยลง ช่อแขนงย่อยแบบช่อเชิงลดจำนวนมาก ช่อดอกออกจากยอดสู่โคนแล้วต้นตาย ดอกสีเหลืองนวล ผลแบบผลผนังชั้นในแข็ง รูปทรงกลม ผลสุกสีแดง ผิวเรียบ มียอดเกสรเพศเมียติดทนที่ปลายผล มีเมล็ด ๑-๒ เมล็ด

เต่าร้างยักษ์ภูคาเป็นปาล์มลำต้นเดี่ยว สูงได้ถึง ๔๐ ม. ลำต้นสีน้ำตาลอมเทา เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น ๕๐-๙๐ ซม. ช่วงกลางลำต้นป่อง โคนต้นมีรากพิเศษหนาแน่น มีรอยแผลของกาบใบเป็นแนวขวางตามลำต้นเห็นชัด รอยแผลห่างกัน ๒๐-๓๐ ซม.

 ใบประกอบแบบขนนกสองชั้น เรียงเวียนเป็นกระจุกที่ปลายยอด ยาว ๔.๕-๖.๕ ม. แต่ละต้นมีใบประกอบ ๖-๑๕ ใบ แต่ละใบประกอบมีช่อใบ


ข้างละ ๑๘-๒๔ ช่อ เรียงสลับ แกนกลางใบยาว ๔-๕.๕ ม. ตรง แต่ละช่อใบมีใบย่อยข้างละ ๒๐-๒๕ ใบ เรียงสลับ ใบย่อยรูปสามเหลี่ยมคล้ายหางปลาถึงรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด กว้าง ๗-๒๐ ซม. ยาว ๒๐-๓๕ ซม. ปลายแหว่งไม่เป็นระเบียบ โคนสอบเรียวถึงเบี้ยว เส้นจากโคนใบจำนวนมาก เห็นชัด ก้านใบยาว ๐.๕-๑ ม. แข็ง เป็นร่องทางด้านบน นูนเด่นชัดทางด้านล่าง กาบใบรูปสามเหลี่ยม ยาว ๑.๓-๑.๕ ม. มีขนสั้นหนานุ่มสีเทาอ่อนหนาแน่นและเกล็ดสีน้ำตาลอมแดงกระจายทั่วไป ร่วงง่าย ขอบเป็นเส้นใยสีดำสานกันเป็นร่างแห

 ดอกแยกเพศร่วมต้น ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ๓-๕ ช่อ ออกตามซอกใบ ยาว ๓-๕ ม. ห้อยลง ช่อดอกออกจากยอดสู่โคนแล้วต้นตาย ก้านช่อดอกยาว ๐.๕-๑ ม. ส่วนปลายโค้งเด่นชัด แกนกลางช่อดอกยาว ๒.๕-๔ ม. แต่ละช่อมีช่อแขนงย่อยแบบช่อเชิงลด ๑๕๐-๒๐๐ ช่อ ยาว ๑.๒-๑.๘ ม. ห้อยลง มีขนสั้น


หนานุ่มสีเทาอ่อนและเกล็ดสีน้ำตาลอมแดงหนาแน่น ก้านช่อแขนงย่อยมักบวมป่องที่โคน มีใบประดับขนาดใหญ่ ๖-๘ ใบ ติดทน ใบประดับย่อยรูปสามเหลี่ยม ขนาดเล็ก ดอกสีเหลืองนวล ดอกเพศผู้ยาวได้ถึง ๑.๕ ซม. กลีบเลี้ยง ๓ กลีบ รูปกลม ยาว ๕-๗ มม. เรียงซ้อนเหลื่อม หนา กลีบดอกโคนเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็น ๓ แฉก เรียงจดกันในดอกตูม เกสรเพศผู้ ๖-๑๐๐ เกสร

ก้านชูอับเรณูสั้น อับเรณูรูปแถบ แตกตามแนวยาว ไม่มีเกสรเพศเมียที่เป็นหมัน ดอกเพศเมียสั้นกว่าดอกเพศผู้ ยาวได้ถึง ๑ ซม. กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็น ๓ แฉก เรียงซ้อนเหลื่อม หนา กลีบดอกโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น ๓ แฉก เรียงจดกันในดอกตูม ไม่มีเกสรเพศผู้ที่เป็นหมัน หรืออาจมีได้ถึง ๖ เกสร รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ รูปทรงกลมหรือรูปทรงสามเหลี่ยม มี ๓ ช่อง แต่ละช่องมีออวุล ๑ เม็ด ไร้ก้านยอดเกสรเพศเมีย ยอดเกสรเพศเมียปลายแยกเป็น ๓ แฉก

 ผลแบบผลผนังชั้นในแข็ง รูปทรงกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง ๑.๕-๓.๕ ซม. ผลสุกสีแดง ผิวเรียบ มียอดเกสรเพศเมียติดทนที่ปลายผล ผนังผลชั้นกลางมีเนื้อ มีผลึกรูปเข็มที่ทำให้ผิวหนังแสบคัน มีกลีบเลี้ยงติดทน มีเมล็ด ๑-๒ เมล็ด

 เต่าร้างยักษ์ภูคามีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทางภาคเหนือ มักพบขึ้นเป็นกลุ่มตามป่าดิบเขา ที่สูงจากระดับทะเลปานกลาง ๑,๒๐๐-๑,๖๐๐ ม. ในต่างประเทศพบที่อินเดียตอนเหนือ เมียนมา จีนตอนใต้ ลาว และเวียดนาม

 ประโยชน์ ยอดอ่อนและแกนกลางลำต้นนำมารับประทานได้เช่นเดียวกับยอดมะพร้าว.

ชื่อหลักหรือชื่อทางการ
เต่าร้างยักษ์ภูคา
ชื่อวิทยาศาสตร์
Caryota obtusa Griff.
ชื่อสกุล
Caryota
คำระบุชนิด
obtusa
ชื่อผู้ตั้งพรรณพืช
- Griffith, William
ช่วงเวลาเกี่ยวกับผู้ตั้งพรรณพืช
- (1810-1845)
ชื่ออื่น ๆ
จึก (กะเหรี่ยง-น่าน); เต่าร้างยักษ์, เต่าร้างยักษ์น่าน (ทั่วไป)
ผู้เขียนคำอธิบาย
นายธีรวัฒน์ ทะนันไธสง และนายคุณานนต์ ดาวนุไร