เต่าทอง

Eria ornata (Blume) Lindl.

กล้วยไม้อิงอาศัยหรือขึ้นบนหิน เจริญทางด้านข้าง เหง้าสีเขียวหรือสีน้ำตาลเข้ม รูปทรงกระบอก แข็ง หัวเทียมตั้งตรงหรือเอียง สีเขียวอมเหลืองหรือสีเขียวอมน้ำตาล รูปทรงรีหรือรูปทรงกระบอก ใบเดี่ยว มี ๒-๕ ใบ ออกที่กลางถึงปลายยอดหัวเทียม เรียงสลับ รูปรีหรือรูปรีแกมรูปขอบขนาน แผ่นใบหนาและเหนียวคล้ายแผ่นหนังช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกที่โคนหัวเทียม ก้านช่อและแกนช่อมีขนกำมะหยี่สีน้ำตาลแดงปกคลุม ใบประดับย่อยสีเหลืองอมส้มหรือสีแสด เห็นเด่นชัด ดอกสีขาวแกมสีเขียวหรือสีเขียวแกมสีน้ำตาลอ่อน กลีบปากช่วงปลายสีแดงเข้มหรือสีแดงเลือดนก รูปสามเหลี่ยมแคบหรือรูปขอบขนานแกมรูปสามเหลี่ยม ผลแบบผลแห้งแตก เมล็ดขนาดเล็ก มีจำนวนมาก

เต่าทองเป็นกล้วยไม้อิงอาศัยหรือขึ้นบนหินเจริญทางด้านข้าง เหง้าสีเขียวหรือสีน้ำตาลเข้ม รูปทรงกระบอก แข็ง กว้าง ๔-๗ มม. ยาว ๔-๖ มม. รากสีขาวหรือสีน้ำตาลอ่อน เรียวยาวและแข็ง มีจำนวนมาก ออกเป็นกระจุกตามเหง้าใกล้โคนหัวเทียม หัวเทียมตั้งตรงหรือเอียง ขึ้นห่าง ๆ กันบนเหง้า สีเขียวอมเหลืองหรือสีเขียวอมน้ำตาล รูปทรงรีหรือรูปทรงกระบอก เส้นผ่านศูนย์กลาง ๒-๒.๘ ซม. ยาว ๔-๕ ซม. อวบน้ำและแบนด้านข้างเล็กน้อย ผิวย่นและเป็นร่องตื้น ๆ ตามยาว

 ใบเดี่ยว มี ๒-๕ ใบ ออกที่กลางถึงปลายยอดหัวเทียม เรียงสลับ รูปรีหรือรูปรีแกมรูปขอบขนาน กว้าง ๒-๒.๖ ซม. ยาว ๘-๑๑ ซม. ปลายแหลมหรือมน โคนแผ่เป็นกาบหุ้มลำต้น ขอบเรียบ แผ่นใบหนาและเหนียวคล้ายแผ่นหนัง ด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมันหรือสีเขียวอมเหลือง ด้านล่างสีจางกว่าเล็กน้อย เกลี้ยงทั้ง ๒ ด้าน มักพับกลางตามแนวยาว เส้นใบเห็นไม่ชัด กาบใบมีลักษณะคล้ายเยื่อสีขาวหรือสีนวลแกมสีน้ำตาลอ่อน หุ้มตลอดหัวเทียม มักหลุดร่วงไปเมื่อแก่

 ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกที่โคนหัวเทียม ตั้งตรงหรือเอียง ทั้งช่อยาว ๒๕-๔๑ ซม. แต่ละช่อมี ๔-๑๒ ดอก เรียงเวียนตามแกนช่อ ก้านช่อและแกนช่อสีส้มแกมสีน้ำตาล ก้านช่อยาว ๒๐-๒๒ ซม. แกนช่อยาว ๕-๑๙ ซม. ทั้งก้านช่อและแกนช่อมีขนกำมะหยี่สีน้ำตาลแดงปกคลุม ใบประดับสีเขียวอมเหลือง รูปใบหอกหรือรูปคล้ายสามเหลี่ยม กว้าง ๑.๒-๑.๕ ซม. ยาว ๑.๑-๒ ซม. ปลายแหลมหรือเว้าเป็น ๒ แฉกไม่เท่ากัน โคนรูปลิ่มเกลี้ยงทั้ง ๒ ด้าน ใบประดับย่อยสีเหลืองอมส้มหรือสีแสดเห็นเด่นชัด รูปใบหอกหรือรูปใบหอกแคบ กว้าง ๐.๘-๑.๗ ซม. ยาว ๒.๗-๔ ซม. ปลายแหลม โคนรูปลิ่มหรือสอบเรียว มีขนนุ่มสีขาวประปรายทั้ง ๒ ด้าน ก้านดอกและรังไข่ยาวรวมกัน ๓-๔ ซม. มีขนกำมะหยี่สีน้ำตาลแดงประปรายถึงหนาแน่น ดอกสีขาวแกมสีเขียวหรือสีเขียวแกมสีน้ำตาลอ่อน ทยอยบานจากด้านล่างขึ้นไปด้านบนเส้นผ่านศูนย์กลาง ๐.๙-๑.๕ ซม. กลีบเลี้ยง ๓ กลีบ กลีบเลี้ยงบนรูปขอบขนานแกมรูปไข่หรือรูปขอบขนานแกมรูปใบหอก กว้าง ๓-๕ มม. ยาว ๒-๒.๔ ซม. ปลายมนหรือแหลม


กลีบเลี้ยงคู่ข้างรูปใบหอกแคบ กว้าง ๐.๖-๑ ซม. ยาว ๒.๑-๒.๔ ซม. ปลายมนหรือแหลม โคนกลีบเชื่อมติดกันตามยาวกับโคนเส้าเกสรเจริญเป็นคาง ทั้งกลีบเลี้ยงบนและกลีบเลี้ยงคู่ข้างมีแผ่นกลีบหนาและอวบน้ำ ด้านนอกมีขนกำมะหยี่นุ่มสีน้ำตาลแดงหนาแน่น ด้านในสีขาวแกมสีเขียว มีขนประปราย กลีบดอก ๓ กลีบ กลีบดอกด้านข้างรูปใบหอกแคบหรือรูปใบหอกแกมรูปแถบ กว้าง ๒-๓ มม. ยาว ๑.๒-๑.๔ ซม. ปลายเรียวแหลม มีขนนุ่มสีขาวประปรายทั้ง ๒ ด้าน กลีบดอกที่เป็นกลีบปากแยกเป็น ๒ ช่วงชัด กลีบปากช่วงโคนสีขาว ขอบกลีบสีน้ำตาลแดงเข้ม รูปขอบขนาน กว้างประมาณ ๕ มม. ยาว ๖-๘ มม. ขอบกลีบทั้ง ๒ ข้างยกขึ้นเป็นสัน คอกลีบรูปขอบขนาน ยาวประมาณ ๔ มม. กลีบปากช่วงปลายสีแดงเข้มหรือสีแดงเลือดนก รูปสามเหลี่ยมแคบหรือรูปขอบขนานแกมรูปสามเหลี่ยม กว้างประมาณ ๓ มม. ยาว ๗-๘ มม. ปลายเรียวแหลม ขอบกลีบบิดเป็นคลื่นเล็กน้อย กลางกลีบปากมีสันตามยาวสีน้ำตาลแดงเข้ม ๒ สัน เส้าเกสรสีขาว กว้าง ๓-๔ มม. ยาว ๕-๖ มม. คางยาวประมาณ ๕ มม.


ปลายสีขาวนวล โคนสีน้ำตาลแดง ฝาครอบกลุ่มเรณูสีขาวใสคล้ายโปร่งแสง รูปรี กว้าง ๑-๑.๕ มม. ยาวประมาณ ๒ มม. กลุ่มเรณูสีเหลืองสด รูปไข่กลับ แบนด้านข้างเล็กน้อย มี ๘ กลุ่ม เรียงเป็น ๒ ชุด ชุดละ ๔ กลุ่ม ในแต่ละชุดมีขนาดใกล้เคียงกัน กว้างและยาวประมาณ ๑ มม. รังไข่อยู่ใต้วงกลีบ มี ๑ ช่อง มีออวุลจำนวนมากยอดเกสรเพศเมียเป็นแอ่งอยู่ทางด้านหน้าใกล้ปลายเส้าเกสร

 ผลแบบผลแห้งแตก เมล็ดขนาดเล็ก มีจำนวนมาก

 เต่าทองมีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ พบขึ้นตามต้นไม้หรือซอกหินปูนที่มีใบไม้ทับถม ตามลานหิน ป่าดิบเขาต่ำ ป่าดิบแล้ง และเขาหินปูน ที่สูงจากระดับทะเลปานกลาง ๒๐๐-๘๐๐ ม. ออกดอกเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน ในต่างประเทศพบที่ภูมิภาคมาเลเซีย.

ชื่อหลักหรือชื่อทางการ
เต่าทอง
ชื่อวิทยาศาสตร์
Eria ornata (Blume) Lindl.
ชื่อสกุล
Eria
คำระบุชนิด
ornata
ชื่อผู้ตั้งพรรณพืช
- Blume, Carl (Karl) Ludwig von
- Lindley, John
ช่วงเวลาเกี่ยวกับผู้ตั้งพรรณพืช
- Blume, Carl (Karl) Ludwig von (1796-1862)
- Lindley, John (1799-1865)
ผู้เขียนคำอธิบาย
นายภัทธรวีร์ พรมนัส