เต็งหนาม

Bridelia retusa (L.) Juss.

ชื่ออื่น ๆ
จาลีลึกป๊วก (เขมร-สุรินทร์); เปาหนาม (ลำปาง); รังโทน (นครราชสีมา); ว้อโบ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี); ฮังห
ไม้ต้นผลัดใบหรือกึ่งผลัดใบ ลำต้นค่อนข้างมีหนาม ใบเดี่ยว เรียงสลับระนาบเดียว รูปรีถึงรูปไข่กลับ ดอกแยกเพศร่วมต้น ช่อดอกแบบช่อกระจุกเป็นช่อกลม ออกตามซอกใบ หรือคล้ายช่อเชิงลด ออกตามปลายกิ่งที่ไม่มีใบดอกเพศผู้สีเขียวหรือสีเขียวแกมสีเหลืองอ่อนถึงสีน้ำตาล ดอกเพศเมียสีน้ำตาลแกมสีแดง ผลแบบผลผนังชั้นในแข็ง รูปทรงกลมค่อนข้างแบน เมล็ดสีน้ำตาลอมแดง รูปทรงค่อนข้างกลม

เต็งหนามเป็นไม้ต้นผลัดใบหรือกึ่งผลัดใบ สูงได้ถึง ๒๐ ม. กิ่งอ่อนมีขนยาวประปราย เมื่อแก่เกือบเกลี้ยงลำต้นค่อนข้างมีหนาม เปลือกสีเทาอ่อนหรือสีน้ำตาลอมเทา ต้นอ่อนเปลือกเรียบ เมื่อแก่สีน้ำตาลเข้มและแตกเป็นร่อง

 ใบเดี่ยว เรียงสลับระนาบเดียว รูปรีถึงรูปไข่กลับ กว้าง ๓-๑๒ ซม. ยาว ๖-๒๖ ซม. มีขนาดเล็กลงไปทางปลายกิ่ง ปลายมนถึงแหลม อาจพบบ้างที่ปลายเว้าตื้นเล็กน้อย โคนกลมมนถึงแหลม พบบ้างที่เป็นกึ่งรูปหัวใจ ขอบเรียบหรือหยักมนตื้น แผ่นใบหนาคล้ายแผ่นหนัง ด้านบนเกลี้ยง ยกเว้นตามเส้นกลางใบ ด้านล่างมีขนสั้นนุ่มถึงขนสั้นนุ่มหนาแน่นหรือเกือบเกลี้ยง มักมีนวลเส้นแขนงใบข้างละ ๑๖-๒๗ เส้น ค่อนข้างตรงและขนานกัน ปลายแยกเป็นง่ามไปถึงขอบใบและเชื่อมกันเป็นเส้นขอบใน เส้นใบย่อยแบบขั้นบันได ก้านใบยาว ๐.๖-๑.๒ ซม. เกลี้ยง ใบเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอมชมพูก่อนร่วง หูใบรูปสามเหลี่ยมแกมรูปไข่ กว้างและยาวได้ถึง ๒ มม. มีขนแบบขนแกะสีออกขาว ร่วงเร็ว

 ดอกแยกเพศร่วมต้น ช่อดอกแบบช่อกระจุกเป็นช่อกลม ออกตามซอกใบ หรือคล้ายช่อเชิงลด ออก



ตามปลายกิ่งที่ไม่มีใบ มี ๓-๑๕ ดอก ก้านดอกยาวได้ถึง ๒ มม. ดอกขนาดเล็ก ดอกเพศผู้มีเส้นผ่านศูนย์กลาง ๔-๕ มม. สีเขียวหรือสีเขียวแกมสีเหลืองอ่อนถึงสีน้ำตาลดอกเพศเมียมีเส้นผ่านศูนย์กลาง ๕-๕.๕ มม. สีน้ำตาลแกมสีแดง กลีบเลี้ยง ๕ กลีบ รูปสามเหลี่ยมแกมรูปไข่กว้าง ๐.๘-๑.๕ มม. ยาว ๑.๗-๒ มม. เกลี้ยงหรือมีขนยาวประปรายที่โคน กลีบหนา กลีบดอก ๕ กลีบ มีรูปร่างหลายแบบ สั้นกว่ากลีบเลี้ยง กว้าง ๐.๖-๑ มม. ยาว ๐.๘-๑.๖ มม. ปลายกลมหรือเป็นแฉกขอบแหว่ง จานฐานดอกเป็นวงแหวน ดอกเพศผู้มีเกสรเพศผู้ ๕ เกสร เชื่อมติดกันเป็นเส้าเกสร กว้าง ๐.๒-๐.๔ มม. ยาว ๑-๑.๓ มม. มีส่วนของก้านชูอับเรณูที่ไม่เชื่อมติดแยกออกมายาว ๐.๘-๑ มม. สีขาว อับเรณูรูปไข่ กว้าง ๐.๓-๐.๔ มม. ยาว ๐.๕-๐.๗ มม. สีออกแดงหรือสีม่วง ดอกเพศเมียมีจานฐานดอกชั้นในเพิ่มขึ้นอีก ๑ ชั้น เป็นหลอดและแตกออกเป็นเกล็ดเมื่อเป็นผล รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ รูปทรงกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง ๐.๗-๑.๖ มม. มี ๒ ช่อง แต่ละช่องมีออวุล ๒ เม็ด อาจเจริญทั้ง ๒ เม็ด หรือเจริญเพียงเม็ดเดียว ก้านยอดเกสรเพศเมียมี ๒ ก้าน โคนเชื่อมติดกัน ความยาวรวมยอดเกสรเพศเมียประมาณ ๑ มม. ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็นง่ามสั้น

 ผลแบบผลผนังชั้นในแข็ง แต่ละช่อมี ๑-๓ ผล รูปทรงกลมค่อนข้างแบน กว้างและยาว ๕-๙ มม. ปลายอาจแหลมทู่ มี ๒ พู ผลอ่อนสีเขียว เมื่อสุกสีดำอมน้ำเงินผนังผลชั้นในค่อนข้างกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๕ มม. สีน้ำตาล กลีบเลี้ยงติดทน เมล็ดสีน้ำตาลอมแดง รูปทรงค่อนข้างกลม กว้างและยาวประมาณ ๕ มม. หนาประมาณ ๓ มม. มีร่องทางด้านบน

 เต็งหนามมีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยเกือบทุกภาค พบในป่าดิบแล้งและป่าผลัดใบ ตามที่โล่งที่สูงจากระดับทะเลปานกลาง ๕๐-๖๐๐ ม. ออกดอกเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน เป็นผลเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ในต่างประเทศพบที่อินเดีย ภูฏาน ศรีลังกา เมียนมา จีนตอนใต้ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย

 ประโยชน์ เปลือกใช้เป็นสมุนไพร เนื้อไม้ใช้ก่อสร้าง ใบใช้เลี้ยงสัตว์ ผลกินได้ แต่มีรสฝาด.

ชื่อหลักหรือชื่อทางการ
เต็งหนาม
ชื่อวิทยาศาสตร์
Bridelia retusa (L.) Juss.
ชื่อสกุล
Bridelia
คำระบุชนิด
retusa
ชื่อผู้ตั้งพรรณพืช
- Linnaeus, Carl
- Jussieu, Antoine Laurent de
ช่วงเวลาเกี่ยวกับผู้ตั้งพรรณพืช
- Linnaeus, Carl (1707-1778)
- Jussieu, Antoine Laurent de
ชื่ออื่น ๆ
จาลีลึกป๊วก (เขมร-สุรินทร์); เปาหนาม (ลำปาง); รังโทน (นครราชสีมา); ว้อโบ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี); ฮังห
ผู้เขียนคำอธิบาย
ดร.ก่องกานดา ชยามฤต