เข็มเขียว

Tarenna stellulata (Hook. f.) Ridl.

ชื่ออื่น ๆ
เข็มขาว (นราธิวาส)
ไม้พุ่ม ใบเรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก รูปไข่แกมรูปขอบขนาน รูปไข่กลับแกมรูปขอบขนานหรือรูปใบหอกกลับ หูใบระหว่างก้านใบรูปไข่ ปลายแหลม ช่อดอกแบบช่อกระจุกซ้อน ออกตามปลายกิ่ง ดอกสีเขียวอ่อน มีกลิ่นหอมแรง ผลแบบผลมีเนื้อหนึ่งถึงหลายเมล็ด กลม สุกสีดำ มี ๑-๒ เมล็ด

เข็มเขียวเป็นไม้พุ่ม สูง ๒-๓ ม. ลำต้นและใบเรียบเกลี้ยง

 ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก รูปไข่แกมรูปขอบขนาน รูปไข่กลับแกมรูปขอบขนาน หรือรูปใบหอกกลับ กว้าง ๓.๕-๖.๕ ซม. ยาว ๒๐-๔๕ ซม. ปลายเรียวแหลม โคนสอบ ขอบเรียบ แผ่นใบบาง เส้นแขนงใบข้างละ ๗-๑๐ เส้น เห็นชัดทางด้านล่าง ปลายเส้นโค้งเกือบจรดกัน เส้นใบย่อยเห็นไม่ชัด ก้านใบยาว ๐.๕-๑ ซม. หูใบระหว่างก้านใบ ๑ คู่ รูปไข่ ปลายเรียวแหลม

 ช่อดอกแบบช่อกระจุกซ้อน มีดอกน้อย ออกตามปลายกิ่ง กว้างและยาวประมาณ ๔ ซม. ก้านช่อดอกยาว ๑-๑.๕ ซม. ดอกกลิ่นหอมแรง ดอกตูมรูปกระสวย ปลายมีขน ก้านดอกยาว ๐.๕-๑ ซม. กลีบเลี้ยงโคนติดกันเป็นรูประฆัง ปลายแยกเป็นแฉกสั้น ๕ แฉก แต่ละแฉกปลายแหลมรูปลิ่มแคบ กลีบดอกสีเขียวอ่อน โคนติดกันเป็นหลอด ยาว ๑.๕-๒ ซม. ปลายหลอดแยกเป็น ๕ แฉก แต่ละแฉกปลายเรียวแหลม ขอบแฉกมีขนครุย เกสรเพศผู้ ๕ อัน รังไข่อยู่ใต้วงกลีบ มี ๒ ช่อง แต่ละช่องมีออวุล ๑-๒ เม็ด ก้านยอดเกสรเพศเมียเป็นเส้น ยอดเกสรเพศเมียเป็นแท่งยาวพ้นหลอดกลีบดอก

 ผลแบบผลมีเนื้อหนึ่งถึงหลายเมล็ด รูปกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๑ ซม. เมื่อสุกสีดำ มีเมล็ด ๑-๒ เมล็ด

 เข็มเขียวมีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทางภาคใต้ ขึ้นตามป่าดิบในที่ร่มหรือเชิงเขาหินปูน ที่สูงตั้งแต่ระดับน้ำทะเลถึงประมาณ ๖๐๐ ม. ในต่างประเทศพบที่มาเลเซีย

 นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไปเนื่องจากดอกมีกลิ่นหอมคล้ายดอกจันทน์กะพ้อ ดอกบานระหว่างเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์.

ชื่อหลักหรือชื่อทางการ
เข็มเขียว
ชื่อวิทยาศาสตร์
Tarenna stellulata (Hook. f.) Ridl.
ชื่อสกุล
Tarenna
คำระบุชนิด
stellulata
ชื่อผู้ตั้งพรรณพืช
- Hooker, Joseph Dalton
- Ridley, Henry Nicholas
ช่วงเวลาเกี่ยวกับผู้ตั้งพรรณพืช
- Hooker, Joseph Dalton (1817-1911)
- Ridley, Henry Nicholas (1855-1956)
ชื่ออื่น ๆ
เข็มขาว (นราธิวาส)
ผู้เขียนคำอธิบาย
ผศ.จิรายุพิน จันทรประสงค์