ตำแย

Laportea bulbifera (Siebold et Zucc.) Wedd.

ชื่ออื่น ๆ
ลังตังช้าง (ทั่วไป)
ไม้ล้มลุกปีเดียวถึงหลายปีกึ่งพุ่ม โคนต้นมักแข็งคล้ายมีเนื้อไม้ กิ่งส่วนบนแยกหยักสลับไปมาและเป็นสัน ๕ สัน ตามซอกกิ่งมักมีหัวอากาศ ๑-๓ หัว แข็งคล้ายเนื้อไม้ กิ่งมักมีขนและขนพิษกระจายห่าง ๆ ใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปรี รูปไข่ รูปหัวใจ หรือรูปเกือบกลม ดอกแยกเพศร่วมต้น พบน้อยที่แยกเพศต่างต้น ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ดอกสีขาวอมเขียวอ่อน ผลแบบผลแห้งเมล็ดล่อน ค่อนข้างแบน รูปไข่กลับกว้างหรือรูปค่อนข้างกลม สีชมพูอมม่วง มีกลีบรวมส่วนที่เป็น ๒ แฉกข้างติดทน หุ้มประมาณครึ่งหนึ่งของผล เมล็ดมีขนาดเกือบเท่าผล

ตำแยเป็นไม้ล้มลุกปีเดียวถึงหลายปีกึ่งพุ่ม สูง ๐.๕-๑.๕ ม. โคนต้นมักแข็งคล้ายมีเนื้อไม้ ลำต้นมักแตกกอ กิ่งส่วนบนแยกหยักสลับไปมาและเป็นสัน ๕ สัน ยกเว้นตามรอยแยกของกิ่ง ตามซอกกิ่งมักมีหัวอากาศ ๑-๓ หัว แข็งคล้ายเนื้อไม้ เส้นผ่านศูนย์กลาง ๓-๖ มม. กิ่งมักมีขนและขนพิษกระจายห่าง ๆ

 ใบเดี่ยว เรียงเวียน เห็นชัดตามปลายกิ่ง รูปรี รูปไข่ รูปหัวใจ หรือรูปเกือบกลม กว้าง ๒.๕-๘ ซม. ยาว ๖-๑๖ ซม. ปลายเรียวแหลม โคนรูปลิ่มกว้าง มน หรือรูปหัวใจตื้น ขอบหยักมน จักฟันเลื่อย หรือหยักซี่ฟัน แผ่นใบบางคล้ายกระดาษ ด้านล่างสีเขียวอ่อน เส้นจากโคนใบ ๓ เส้น เส้นด้านข้าง ๒ เส้นยาวเกือบถึงกลางแผ่นใบ ปลายเส้นโค้งจดกับเส้นถัดขึ้นไปใกล้ขอบใบ เส้นกลางใบยาวถึงปลายใบ มีเส้นแขนงใบจากเส้นกลางใบข้างละ ๔-๖ เส้น และแตกแขนงเป็นเส้นใบย่อยเมื่อใกล้ขอบใบ ด้านบนมีขนหยาบเอนแนบ มีขนพิษห่าง ๆ ด้านล่างมีขน ตามเส้นใบมักมีขนพิษคล้ายหนามขนาดเล็ก มีผลึกหินปูนเป็นจุดขนาดเล็ก เห็นชัดทางด้านบนของแผ่นใบ ก้านใบยาว ๑.๕-๑๐ ซม. หูใบรูปรีถึงรูปขอบขนาน ยาว ๐.๕-๑ ซม. ปลายแยกเป็น ๒ แฉก ลึกประมาณครึ่งหนึ่งของความยาว ร่วงง่าย

 ดอกแยกเพศร่วมต้น พบน้อยที่แยกเพศต่างต้น ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ก้านช่อดอกยาว ๓-๑๐ ซม. ช่อดอกเพศผู้มักเกิดบริเวณซอกใบ ยาว ๓-๑๐ ซม. ช่อดอกเพศเมียมักออกที่ปลายกิ่งหรือตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ยาว ๑๐-๒๕ ซม. ดอกมักออกด้าน


เดียว ดอกเพศผู้มีก้านดอกหรือเกือบไร้ก้าน ดอกตูมมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๑ มม. กลีบรวมสีขาวอมเขียวอ่อน โคนเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็น ๕ แฉก แต่ละแฉกรูปไข่กึ่งรูปขอบขนาน มีขนละเอียด เกสรเพศผู้ ๕ เกสร ก้านชูอับเรณูคล้ายรูปสามเหลี่ยมหรือรูปแถบ ค่อนข้างใส อับเรณูสีขาว มีรังไข่ที่เป็นหมันรูปพีระมิดกลับ ยาวประมาณ ๐.๕ มม. ดอกเพศเมียมีก้านดอกยาว ๒-๔ มม. มีปีกตามแนวด้านข้างของก้าน กลีบรวมโคนเชื่อมติดกันเล็กน้อย ปลายแยกเป็น ๔ แฉก ไม่เท่ากัน แฉกบนยาวประมาณ ๐.๕ มม. แฉกข้าง ๒ แฉก แต่ละแฉกรูปไข่ถึงรูปขอบขนาน มีขนาดใหญ่กว่าและหุ้มส่วนของรังไข่ ด้านล่างมีขนแข็งสั้นและขนพิษ แฉกกลางมีขนาดเล็กกว่าแฉกอื่น รูปไข่หรือรูปคล้ายสามเหลี่ยม ขนาดประมาณ ๐.๓ มม. รังไข่คล้ายรูปไข่เบี้ยว มีก้าน ก้านยอดเกสรเพศเมียรูปเส้นด้าย ยาว ๒-๔ มม. สีขาว โค้ง ยอดเกสรเพศเมียเล็กมาก

 ผลแบบผลแห้งเมล็ดล่อน ค่อนข้างแบน รูปไข่กลับกว้างหรือรูปค่อนข้างกลม กว้างและยาว ๑.๕-๓ มม. เรียบและเกลี้ยง สีชมพูอมม่วง มีกลีบรวมส่วนที่เป็น ๒ แฉกข้างติดทน ยาวประมาณ ๑.๕ มม. หุ้มประมาณครึ่งหนึ่งของผล เมล็ดมีขนาดเกือบเท่าผล

 ตำแยมีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทางภาคเหนือ พบตามชายป่าดิบเขา ที่สูงจากระดับทะเลปานกลาง ๑,๐๐๐-๒,๒๐๐ ม. ออกดอกเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม เป็นผลเดือนกันยายนถึงธันวาคม ในต่างประเทศพบที่รัสเซีย อินเดีย ภูฏาน จีน ศรีลังกา เมียนมา เวียดนาม เกาหลี และญี่ปุ่น

 ตำแยเป็นพืชมีพิษ เมื่อสัมผัสทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนังอย่างรุนแรง มีอาการปวดแสบปวดร้อน.

ชื่อหลักหรือชื่อทางการ
ตำแย
ชื่อวิทยาศาสตร์
Laportea bulbifera (Siebold et Zucc.) Wedd.
ชื่อสกุล
Laportea
คำระบุชนิด
bulbifera
ชื่อผู้ตั้งพรรณพืช
- Siebold, Philipp Franz (Balthasar) von
- Zuccarini, Joseph Gerhard
- Weddell, Hugh Algernon
ช่วงเวลาเกี่ยวกับผู้ตั้งพรรณพืช
- Siebold, Philipp Franz (Balthasar) von (1796-1866)
- Zuccarini, Joseph Gerhard (1797-1848)
- Weddell, Hugh Algernon (1819-1877)
ชื่ออื่น ๆ
ลังตังช้าง (ทั่วไป)
ผู้เขียนคำอธิบาย
ดร.ปราโมทย์ ไตรบุญ