ขาวด่าง

Lysimachia decurrens G. Forst.

ไม้ล้มลุกหลายปี ลำต้นเป็นเหลี่ยม ตั้งตรง ใบเดี่ยวเรียงเวียน บางครั้งเกือบเรียงตรงข้าม รูปใบหอกหรือรูปใบหอกแกมรูปรี ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกที่ปลายกิ่งดอกสีขาวอมม่วง ผลแบบผลแห้งแตก รูปค่อนข้างกลมเมล็ดเล็ก มีจำนวนมาก

ขาวด่างเป็นไม้ล้มลุกหลายปี สูง ๔๐-๙๐ ซม. ลำต้นเป็นเหลี่ยม ตั้งตรง แตกกิ่งมาก มีเส้นนูนจากโคนก้านใบลงมา

 ใบเดี่ยว เรียงเวียน บางครั้งเกือบเรียงตรงข้ามรูปใบหอกหรือรูปใบหอกแกมรูปรี กว้าง ๑.๕-๔ ซม. ยาว ๖-๑๓ ซม. ปลายแหลมหรือเรียวแหลม โคนรูปลิ่มขอบเรียบ มีต่อมเป็นจุดสีดำ หรือเป็นทางสั้น ๆ กระจัดกระจายบนแผ่นใบทั้ง ๒ ด้าน โดยเฉพาะใกล้ขอบใบ ใบแห้งบางคล้ายเยื่อ ก้านใบยาว ๑-๔ ซม. มีปีกแคบ ๆ

 ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกที่ปลายกิ่ง ยาว ๑๐-๒๕ ซม. ใบประดับรูปลิ่มแคบ ยาว ๒-๓ มม. ก้านดอกยาว ๒-๙ มม. เมื่อเป็นผลยาวได้ถึง ๑-๑.๘ ซม. ดอกสีขาวอมม่วง กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันเล็กน้อยแล้วแยกเป็น ๕ แฉก รูปใบหอกแคบ ยาว ๓-๔ มม. มีขนครุยแบบขนต่อมและมีต่อมสีดำเป็นแนวกลางกลีบด้านนอกกลีบดอกโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาวประมาณ ๑.๕ มม.


ปลายแยกเป็น ๕ แฉก รูปช้อนแกมรูปขอบขนาน ยาว ๑-๒.๕ มม.ปลายมนกลมเกสรเพศผู้ ๕ เกสร อยู่ตรงกับแฉกกลีบดอกและยาวพ้นกลีบดอก ก้านชูอับเรณูติดที่กลางโคนแฉกกลีบดอก อับเรณูรูปไข่ ยาวประมาณ ๑ มม. สีม่วง รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ รูปไข่ มี ๑ ช่อง มีออวุลจำนวนมาก ก้านยอดเกสรเพศเมียเรียว ยาวประมาณ ๕ มม. ยอดเกสรเพศเมียเป็นตุ่ม

 ผลแบบผลแห้งแตก รูปค่อนข้างกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง ๓-๔ มม. ปลายผลมีก้านยอดเกสรเพศเมียติดทน เมล็ดเล็ก มีจำนวนมาก

 ขาวด่างมีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบตามที่รกร้างข้างทาง ริมแม่น้ำ ที่สูงจากระดับทะเล ๒๐๐-๔๐๐ ม. ออกดอกและเป็นผลเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม ในต่างประเทศพบที่อินเดีย จีน ญี่ปุ่น ลาว เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และนิวเฮบริดีส.

ชื่อหลักหรือชื่อทางการ
ขาวด่าง
ชื่อวิทยาศาสตร์
Lysimachia decurrens G. Forst.
ชื่อสกุล
Lysimachia
คำระบุชนิด
decurrens
ชื่อผู้ตั้งพรรณพืช
- Forster, Johann Georg Adam
ช่วงเวลาเกี่ยวกับผู้ตั้งพรรณพืช
- (1754-1794)
ผู้เขียนคำอธิบาย
รศ.บุศบรรณ ณ สงขลา