กูดย่อย

Diplazium polypodioides Blume

เฟิร์นขึ้นบนดิน เหง้าตั้ง ใบประกอบแบบขนนกสองหรือสามชั้น กลุ่มใบย่อยชั้นที่ ๑ คู่ล่างมีขนาดใหญ่ที่สุด กลุ่มใบย่อยชั้นที่ ๒ รูปขอบขนาน ขอบหยักลึกเกือบถึงเส้นกลางใบแต่ละหยักรูปขอบขนานถึงรูปกึ่งสี่เหลี่ยมเฉียง กลุ่มอับสปอร์รูปรี เกิดตามเส้นใบใกล้เส้นกลางหยัก เยื่อคลุมกลุ่มอับสปอร์บาง

กูดย่อยเป็นเฟิร์น เหง้าใหญ่ ตั้งตรงคล้ายลำต้น มีเกล็ดแคบ สีน้ำตาล กว้างประมาณ ๒ มม. ยาวประมาณ ๓ ซม. ขอบหยักซี่ฟันสีดำ

 ใบประกอบแบบขนนกสองหรือสามชั้น กว้างประมาณ ๗๐ ซม. ยาวได้มากกว่า ๑ ม. ก้านใบยาวได้ถึง ๑ ม. ตอนโคนพอง เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๑.๕ ซม. มีเกล็ดหนาแน่นผิวมีหนามเกิดจากเกล็ดร่วงไป

 ใบย่อยชั้นที่ ๑ คู่ล่างกว้างประมาณ ๒๐ ซม. ยาวประมาณ ๕๐ ซม. ปลายแหลม ใบย่อยชั้นที่ ๒ รูปขอบขนาน กว้างประมาณ ๒ ซม. ยาวประมาณ ๑๐ ซม. ก้านใบสั้นหรือไม่มีขอบหยักลึกเกือบถึงเส้นกลางใบ แต่ละหยักรูปขอบขนานถึงรูปกึ่งสี่เหลี่ยมเฉียง ปลายมน ขอบจักฟันเลื่อย กว้างประมาณ ๔ มม. ยาวประมาณ ๑ ซม. แผ่นใบด้านบนสีเขียวเข้มด้านล่างสีเขียวอ่อน เส้นแขนงใบ ๕-๙ คู่ มักแยกเป็น ๒ ง่าม ใบหยักขนาดใหญ่ อับสปอร์มักอยู่ตามเส้นใบใกล้เส้นกลางหยัก ยาวไม่ถึง ๒ มม. เมื่อคลุมกลุ่มอับสปอร์บาง ติดอยู่กับกลุ่มอับสปอร์ตลอดไป

 กูดย่อยมีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงใต้ และภาคใต้ ขึ้นตามไหล่เขาบริเวณที่ดินมีความอุดมสมบูรณ์และตามชายป่าที่มีความชื้นสูง บนพื้นที่ระดับต่ำถึงที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ ๑,๓๐๐ ม. ในต่างประเทศพบที่ไต้หวัน อินเดียตอนใต้ ศรีลังกา ภูมิภาคอินโดจีน และภูมิภาคมาเลเซีย.

ชื่อหลักหรือชื่อทางการ
กูดย่อย
ชื่อวิทยาศาสตร์
Diplazium polypodioides Blume
ชื่อสกุล
Diplazium
คำระบุชนิด
polypodioides
ชื่อผู้ตั้งพรรณพืช
- Blume, Carl (Karl) Ludwig von
ช่วงเวลาเกี่ยวกับผู้ตั้งพรรณพืช
- (1796-1862)
ผู้เขียนคำอธิบาย
รศ. ดร.ทวีศักดิ์ บุญเกิด