กาแฟโรบัสตา

Coffea canephora Pierre ex Froehner

ไม้พุ่ม ใบเรียงตรงข้าม รูปรี ดอกออกจากสองข้างของง่ามใบ สีขาวหรือขาวอมชมพู กลิ่นหอม ผลแบบผลมีเนื้อหนึ่งถึงหลายเมล็ด รูปไข่ ผลสุกสีแดง เมื่อแห้งเปลือกจะย่น

กาแฟชนิดนี้เป็นไม้พุ่ม ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรี กว้าง ๕-๑๕ ซม. ยาว ๑๕-๓๐ ซม. ปลายแหลม โคนสอบ เส้นกลางใบด้านบนแบน แต่ด้านล่างนูนขึ้น เส้นแขนงใบข้างละ ๘-๑๓ เส้น ก้านใบสั้น แข็งแรง ยาว ๐.๘-๒ ซม.

 ดอกออกจากสองข้างของง่ามใบ สีขาวหรือขาวอมชมพูกลิ่นหอม โคนดอกอาจมีใบประดับขนาดเล็ก กลีบดอก ๕-๗ กลีบ เกสรเพศผู้ติดอยู่บริเวณกึ่งกลางหลอดดอกและสลับกับแฉกกลีบดอก รังไข่อยู่ใต้วงกลีบ มี ๒ ช่อง แต่ละช่องมีออวุล ๑ เม็ด ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็น ๒ แฉก

 ผลแบบผลมีเนื้อหนึ่งถึงหลายเมล็ด รูปไข่ ยาว ๐.๘-๑.๖ ซม. ผลสุกสีแดง เมื่อแห้งเปลือกจะย่นเพราะมีเนื้อหุ้มเมล็ดน้อย

 กาแฟโรบัสตาเป็นพืชผสมข้ามต้น มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในป่าขึ้นริมแม่น้ำ เขตเส้นศูนย์สูตรในทวีปแอฟริกา


ประเทศยูกันดาไปจนถึงประเทศกินี ประเทศที่ปลูกกาแฟโรบัสตาส่วนใหญ่อยู่ในทวีปแอฟริกาและเอเชีย ประมาณร้อยละ ๒๐ ของกาแฟในตลาดโลกเป็นกาแฟโรบัสตา นายตีหมุนได้นำกาแฟโรบัสตาเข้ามาปลูกในประเทศไทยที่ อ. สะบ้าย้อย จ. สงขลา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๗ และต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๗ นายตัน บุญเหลียง ได้สั่งเมล็ดเข้ามาจากเกาะสุมาตรา และนำไปปลูกที่ จ. ลำปาง ปัจจุบันปลูกมากทุกจังหวัดในภาคใต้กาแฟโรบัสตามีขนาดลำต้นสูงกว่ากาแฟอะราบิกา ปลูกโดยไม่ตัดกิ่งสูงถึง ๙ ม. ปลูกได้บนพื้นที่ระดับน้ำทะเลจนถึงที่สูง ประมาณ ๑,๐๐๐ ม. เจริญงอกงามได้ดีที่อุณหภูมิ ๒๕-๓๐ °ซ. ออกผลเมื่ออายุ ๓-๔ ปี ส่วนใหญ่ต้านทานต่อโรคราสนิม มีกาเฟอีนร้อยละ ๑.๕-๒.๕

 ในเมล็ดกาแฟประกอบด้วยสารเคมีต่าง ๆ ดังนี้ กาเฟอีนร้อยละ ๑-๒ น้ำมันระเหยยากร้อยละ ๑๐-๑๓ แทนนิน ร้อยละ ๒-๕ โปรตีนร้อยละ ๑๐-๑๓ น้ำตาลกลูโคสและเดกซ์โทรสรวมกันประมาณร้อยละ ๑๐-๑๓.

ชื่อหลักหรือชื่อทางการ
กาแฟโรบัสตา
ชื่อวิทยาศาสตร์
Coffea canephora Pierre ex Froehner
ชื่อสกุล
Coffea
คำระบุชนิด
canephora
ชื่อผู้ตั้งพรรณพืช
- Pierre, Jean Baptiste Louis
ช่วงเวลาเกี่ยวกับผู้ตั้งพรรณพืช
- Pierre, Jean Baptiste Louis (1833-1905)
ผู้เขียนคำอธิบาย
นายอาภรณ์ ธรรมเขต