กร่าง

Ficus altissima Blume

ชื่ออื่น ๆ
ไทรทอง (นครศรีธรรมราช); ลุง (เชียงใหม่, ลำปาง); ฮ่างขาว, ฮ่างหลวง, ฮ่างเฮือก (เชียงราย); ไฮคำ (เพชรบ
ไม้ต้น แตกกิ่งต่ำ เรือนยอดกว้าง มียางขาว และมีรากอากาศ ลำต้น กิ่งและใบเกลี้ยง ใบเรียงเวียน รูปรี หรือรูปไข่แกมรูปขอบขนาน ช่อดอกมีรูปร่างคล้ายผล ผลแบบมะเดื่อ รูปไข่ สุกสีเหลือง

 กร่างเป็นไม้ต้น แตกกิ่งต่ำ เรือนยอดกว้าง มียางขาวและมีรากอากาศ ส่วนต่าง ๆ เมื่อยังอ่อนมีขนสั้นประปราย แต่จะร่วงไปในที่สุด ทำให้ลำต้น กิ่ง และใบเกลี้ยง ยกเว้นด้านนอกของหูใบมีขนอ่อน ๆ

 ใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปรีหรือรูปไข่แกมรูปขอบขนาน กว้าง ๔-๑๐ ซม. ยาว ๑๐-๑๕ ซม. ปลายมนเป็นติ่งแหลมสั้น ๆ โคนค่อนข้างมน ขอบเรียบ แผ่นใบหนา เส้นโคนใบ ๓-๕ เส้น เส้นแขนงใบข้างละ ๕-๖ เส้น ก้านใบยาว ๒.๕-๓.๒ ซม. มีหูใบรูปใบหอก ๑ คู่ หุ้มยอดอ่อนไว้ ยาว ๒-๕ ซม. หนาด้านนอกมีขนอ่อน ๆ ด้านในเกลี้ยง

 ช่อดอกไม่มีก้าน ออกเป็นคู่ตรงง่ามใบหรือเหนือรอยแผลใบ เมื่อยังอ่อนมีใบประดับโค้งหุ้มอยู่ ใบประดับร่วงง่าย ที่โคนช่อดอกยังมีใบประดับขนาดเล็กยาวประมาณ ๕ มม. อีก ๓ ใบ รองรับช่อดอกและติดอยู่กับผล โคนเชื่อมกันและมีขนนุ่ม ช่อดอกมีรูปร่างคล้ายผล คือมีฐานรองดอกเจริญเปลี่ยนแปลง ขยายใหญ่เป็นกระเปาะและมีรูเปิดที่ปลาย ดอกแยกเพศอยู่ภายในกระเปาะ ดอกเพศผู้มีจำนวนมาก แซมอยู่ทั่วไป ก้านดอกยาว ๒-๓ มม. กลีบรวม ๔ กลีบ เกสรเพศผู้ ๑ อัน ดอกเพศเมียมีทั้งดอกสมบูรณ์เพศและเป็นหมัน โคนกลีบติดกันปลายแยกเป็น ๔ แฉก รังไข่มี ๑ ช่อง มีออวุล ๑ เม็ด และมีดอกเพศเมียเป็นหมัน อาจมีไข่หรือตัวอ่อนของแมลงอยู่ภายใน (gall-flower)

 ผลแบบมะเดื่อ รูปไข่ ยาว ๑.๕-๒.๕ ซม. สุกสีเหลือง ส่วนที่เป็นเนื้อของผลคือฐานดอกซึ่งเปลี่ยนแปลงไปโอบหุ้มผลไว้ภายในผลประกอบด้วยผลเล็ก ๆ จำนวนมาก แต่ละผลมีเนื้อบาง ๆ และมี ๑ เมล็ด

 กร่างมีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทั่วทุกภาคในต่างประเทศพบที่อินเดีย ภาคใต้ของจีน พม่า ศรีลังกา ภูมิภาคอินโดจีน และภูมิภาคมาเลเซีย

 รากอากาศของต้นกร่างเหนียวใช้ทำเชือกได้ เปลือกในใช้ทำกระดาษ ต้นใช้เลี้ยงครั่ง (Burkill, 1935).

ชื่อหลักหรือชื่อทางการ
กร่าง
ชื่อวิทยาศาสตร์
Ficus altissima Blume
ชื่อสกุล
Ficus
คำระบุชนิด
altissima
ชื่อผู้ตั้งพรรณพืช
- Blume, Carl (Karl) Ludwig von
ช่วงเวลาเกี่ยวกับผู้ตั้งพรรณพืช
- (1796-1862)
ชื่ออื่น ๆ
ไทรทอง (นครศรีธรรมราช); ลุง (เชียงใหม่, ลำปาง); ฮ่างขาว, ฮ่างหลวง, ฮ่างเฮือก (เชียงราย); ไฮคำ (เพชรบ
ผู้เขียนคำอธิบาย
รศ.บุศบรรณ ณ สงขลา