กระเจียวขาว

Curcuma parviflora Wall.

ชื่ออื่น ๆ
กระเจียวโคก, กระชายดง (เลย); อาวขาว (เชียงใหม่)
ไม้ล้มลุก มีเหง้า ใบเรียงสลับ รูปขอบขนาน กาบใบหุ้มซ้อนกันเป็นต้นเทียม ช่อดอกแบบช่อเชิงลด มีใบประดับเรียงซ้อนกัน โคนใบประดับชั้นล่างสีเขียว ชั้นบนสีขาวและยาวกว่าเล็กน้อย ดอกสีขาวปลายกลีบสีม่วง

กระเจียวขาวเป็นไม้ล้มลุก สูง ๓๐-๔๐ ซม. มีเหง้ากลม ขนาด ๑.๕-๒ ซม.

 ใบเดี่ยว เรียงสลับ ต้นหนึ่งมี ๔ ใบ ออกจากเหง้าชูขึ้น มาเหนือพื้นดิน ๒ ใบพร้อมกันก่อน ใบที่ ๓ และ ๔ ออก


พร้อมช่อดอก ใบรูปขอบขนาน กว้างประมาณ ๗ ซม. ยาวประมาณ ๒๐ ซม. ปลายแหลม โคนมน ก้านใบยาวประมาณ ๑๐ ซม.

 ช่อดอกแบบช่อเชิงลด กว้างประมาณ ๒ ซม. ยาว ๘-๑๐ ซม. ใบประดับเรียงซ้อนกัน โคนติดกันเป็นกรวย ใบประดับตอนโคนช่อสีเขียว มีดอกตามซอก ใบประดับตอนปลายช่อสีขาว ยาวกว่าเล็กน้อย ไม่มีดอก ก้านช่อดอกยาวประมาณ ๑๕ ซม. ดอกเล็ก สีขาว เป็นหลอดยาวประมาณ ๒ ซม. ปลายกลีบปากจัก สีม่วง และมีเส้นสีม่วงพาดตามยาวอยู่ด้านใน เกสรเพศผู้ ๑ อัน เกสรเพศเมียอยู่ระหว่างลอนอับเรณูรังไข่อยู่ใต้วงกลีบ มี ๓ ช่อง แต่ละช่องมีออวุลจำนวนมาก

 กระเจียวขาวมีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทั่วทุกภาค ขึ้นตามป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง ออกดอกประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงกรกฎาคม ในต่างประเทศพบที่พม่า ภูมิภาคอินโดจีน และมาเลเซีย

ชื่อหลักหรือชื่อทางการ
กระเจียวขาว
ชื่อวิทยาศาสตร์
Curcuma parviflora Wall.
ชื่อสกุล
Curcuma
คำระบุชนิด
parviflora
ชื่อผู้ตั้งพรรณพืช
- Wallich, Nathaniel
ช่วงเวลาเกี่ยวกับผู้ตั้งพรรณพืช
- (1786-1854)
ชื่ออื่น ๆ
กระเจียวโคก, กระชายดง (เลย); อาวขาว (เชียงใหม่)
ผู้เขียนคำอธิบาย
ผศ.จิรายุพิน จันทรประสงค์