กระไดลิงเป็นไม้เถาเนื้อแข็ง มีมือเกาะ ขึ้นพาดพันตามเรือนยอดของต้นไม้ไปได้ไกล เถาแก่แข็ง เหนียว แบน โค้งไปมาเป็นลอนสม่ำเสมอลักษณะเป็นชั้น ๆ คล้ายบันได จึงเรียก กันว่า “กระไดลิง” กิ่งอ่อนมีขนประปราย กิ่งแก่เกลี้ยง
ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่หรือรูปหัวใจ กว้าง ๕-๑๒ ซม. ยาว ๖-๑๑ ซม. ปลายแหลม หรือเว้ามากหรือน้อย ใบที่ส่วนปลายเว้าลึกลงมาค่อนใบแผ่นใบจะมีลักษณะเป็น ๒ แฉก โคนใบกว้าง มักเว้าเล็กน้อยที่รอยต่อก้านใบเป็นรูปคล้ายหัวใจ มีเส้นโคนใบ ๕-๗ เส้น แผ่นใบด้านบนเกลี้ยงเป็นมัน ด้านล่าง มีขนประปรายหรือเกลี้ยง ก้านใบยาว ๑.๕-๕ ซม. หูใบเล็กมากเป็นติ่งยาว ร่วงง่าย
ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ยาว ๑๒-๒๕ ซม. ออกตามปลายกิ่ง มีขนประปราย แตกแขนงน้อย แต่ละแขนงมีดอกสีขาวอมเหลืองขนาดเล็กจำนวนมาก กลีบเลี้ยง ๕ กลีบ ติดกันคล้ายรูปถ้วย กลีบดอก ๕ กลีบ คล้ายรูปพัด ก้านกลีบดอกสั้น เกสรเพศผู้สมบูรณ์ ๓ อัน เกสรเพศผู้เป็นหมัน ๒ อัน ขนาดเล็กกว่า รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ รูปรี ก้านสั้น มีออวุลมากกว่า ๑ เม็ด
ฝักแบน รูปรีหรือรูปไข่แกมรี กว้าง ๑.๕-๒ ซม. ยาว ๓-๔ ซม. ปลายมน มีติ่งแหลมสั้น ๆ ฝักแก่สีน้ำตาลแดงแตกตามรอยประสาน
กระไดลิงมีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทั่วทุกภาคเว้นภาคใต้ ขึ้นตามป่าดิบแล้งและป่าเบญจพรรณชื้น ในต่างประเทศพบที่อินเดีย ภูมิภาคอินโดจีน และอินโดนีเซีย
ในอินโดนีเซียใช้น้ำเลี้ยงจากเถากระไดลิงจิบบรรเทาอาการไอ (Perry and Metzger, 1980)