จะแนเป็นไม้ต้น สูงได้ถึง ๑๔ ม. เปลือกเรียบสีขาว เกลี้ยง กิ่งอ่อนสีน้ำตาลอ่อน มีขนสั้นนุ่ม เมื่อแก่เกือบเกลี้ยง
ใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปรีถึงรูปไข่ กว้าง ๒.๕-๕.๕ ซม. ยาว ๖.๕-๑๔ ซม. ปลายเรียวแหลม โคนรูปลิ่มถึงมนหรือกลม ขอบเป็นคลื่น แผ่นใบค่อนข้างหนาคล้ายแผ่นหนัง ด้านบนเป็นมัน ด้านล่างมีขนสั้นนุ่มหนาแน่น โดยเฉพาะบริเวณเส้นกลางใบ หรือค่อนข้างเกลี้ยง เส้นแขนงใบข้างละ ๑๖-๓๐ เส้น ก้านใบยาว ๕-๗ มม. มีขนสั้นนุ่ม
ช่อดอกแบบช่อซี่ร่ม ออกตามซอกใบ ช่อตั้งขึ้นกว้าง ๓-๕.๕ ซม. ยาว ๑.๕-๒.๕ ซม. มี ๕-๑๔ ดอก ก้านช่อดอกยาวไม่เกิน ๑ ซม. มีขนสั้นนุ่ม ก้านดอกยาวได้ถึง ๒ ซม. กลีบรวมสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดรูปทรงกระบอก ยาว ๖-๘ มม. ด้านนอกมีขนสั้นนุ่มหนาแน่น ด้านในเกลี้ยง ปลายแยกเป็น ๕ แฉก รูปไข่ ปลายมน ยาว ๒-๓ มม. ด้านนอกมีขนสั้นนุ่มหนาแน่น ด้านในมีขนประปราย มีรยางค์คล้ายกลีบดอก ๑๐ อัน ติดบนหลอดกลีบรวมด้านหลังเกสรเพศผู้ รูปไข่หรือรูปกึ่งกลม มีขนอุยหนาแน่น ยาวใกล้เคียงกับเกสรเพศผู้ เกสรเพศผู้ ๑๐ เกสร ติดบนหลอดกลีบรวม เรียงเป็น ๒ วง เรียงตรงข้ามกับแฉกกลีบรวม ๕ เกสร และเรียงสลับกับแฉกกลีบรวม ๕ เกสร ก้านชูอับเรณูสั้นมาก อับเรณูติดด้านหลัง รูปแถบหรือรูปขอบขนาน ยาวประมาณ ๑ มม. แกนอับเรณูสีน้ำตาลเข้ม รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ รูปทรงรีหรือทรงรูปไข่ ยาวประมาณ ๕ มม. มีขนหนาแน่น มี ๒ ช่อง แต่ละช่องมีออวุล ๑ เม็ด ก้านยอดเกสรเพศเมียสั้นมาก ยอดเกสรเพศเมียเป็นตุ่ม
ผลแบบผลแห้งแตกกลางพู รูปคล้ายกระบองกว้างประมาณ ๑ ซม. ยาว ๓.๕-๕ ซม. มีขนสีทองประปราย เมล็ดทรงรูปไข่ กว้างประมาณ ๖ มม. ยาวประมาณ ๑ ซม. สีดำเป็นมัน มีขนประปรายหรือเกือบเกลี้ยง ปลายมีจะงอยสั้น รยางค์เกลี้ยง ยาวประมาณ ๑ ซม. โคนสอบเรียวหรือเป็นรูปลิ่ม
จะแนมีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทางภาคใต้ พบขึ้นตามป่าดิบชื้นระดับต่ำ ที่สูงจากระดับทะเล ๒๐๐-๕๐๐ ม. ออกดอกเดือนมีนาคมถึงเมษายน ในต่างประเทศพบที่มาเลเซียและเกาะสุมาตรา.