ตรีภูติ

Bulbophyllum tripudians C. S. P. Parish et Rchb. f.

ชื่ออื่น ๆ
สิงโตกระดิ่งใบพัด, สิงโตใบพาย (เชียงใหม่)
กล้วยไม้อิงอาศัย เจริญเติบโตทางด้านข้าง ต้นเป็นหัวเทียม ขึ้นชิดกันเป็นกอ ตั้งขึ้นหรือเอียง รูปไข่ รูปเกือบกลม หรือรูปไข่แกมรูปรี ใบเดี่ยว มี ๒ ใบ ออกที่ปลายหัวเทียม เรียงสลับ รูปขอบขนาน แผ่นใบบางและอ่อนทิ้งใบก่อนมีดอก ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกที่โคนหัวเทียม ดอกสีเหลืองแกมสีส้มหรือสีส้ม มีจุดสีน้ำตาลแดงกระจายทั่วทั้งดอก ผลแบบผลแห้งแตก รูปทรงรี เมล็ดขนาดเล็กมากคล้ายผง มีจำนวนมาก

ตรีภูติเป็นกล้วยไม้อิงอาศัย เจริญเติบโตทางด้านข้าง รากสีขาวแกมสีน้ำตาลหรือสีขาวแกมสีเขียวออกเป็นกระจุกที่โคนหัวเทียม หัวเทียมขึ้นชิดกันเป็นกอตั้งขึ้นหรือเอียง สีเขียวแกมสีเหลืองหรือสีเหลืองแกมสีน้ำตาล รูปไข่ รูปเกือบกลม หรือรูปไข่แกมรูปรี เส้นผ่านศูนย์กลาง ๐.๙-๑.๕ ซม. ยาว ๐.๗-๑.๔ ซม. ส่วนปลายเรียวแคบกว่าส่วนโคน ผิวย่นและเป็นร่องตื้น ๆ ตามยาวในฤดูแล้ง กาบใบมีลักษณะคล้ายเยื่อสีนวลแกมสีน้ำตาลอ่อนหุ้มตลอดหัวเทียม มักหลุดร่วงไปเมื่อแก่

 ใบเดี่ยว มี ๒ ใบ ออกที่ปลายหัวเทียม เรียงสลับ รูปขอบขนาน กว้าง ๑-๑.๓ ซม. ยาว ๓-๔.๖ ซม. ปลายแหลมหรือเว้าบุ๋ม โคนสอบเรียวเป็นก้านสั้น ๆ ขอบเรียบ แผ่นใบบางและอ่อน ด้านบนสีเขียว อาจมีสีม่วงอ่อน ด้านล่างสีจางกว่าเล็กน้อย เกลี้ยงทั้ง ๒ ด้าน เส้นใบขนานจากโคนใบสู่ปลายใบ ทิ้งใบก่อนมีดอก

 ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกที่โคนหัวเทียม ตั้งอยู่ในแนวเอนเล็กน้อย ทั้งช่อยาว ๑๘-๒๕ ซม. แต่ละช่อมี ๖-๑๔ ดอก ก้านช่อดอกสีเขียวแกมสีม่วงแดง ยาว ๑๔-๑๘ ซม. มักอยู่ในแนวตั้ง แกนช่อสีเขียวหรือสีเขียวแกมสีม่วง ยาว ๔-๖.๕ ซม. โค้งลงเกือบขนานกับก้านช่อ ก้านดอกและรังไข่ยาวรวมกันประมาณ ๑ มม. ใบประดับสีน้ำตาลแกมสีส้ม รูปรีแคบ กว้างประมาณ ๒ มม. ยาวประมาณ ๖ มม. ปลายแหลม ใบประดับย่อยสีนวลแกมสีชมพูอ่อน รูปไข่ กว้างประมาณ ๓ มม. ยาวประมาณ ๖ มม. ปลายเรียวแหลม ดอกสีเหลืองแกมสีส้มหรือสีส้ม มีจุดสีน้ำตาลแดงกระจายทั่วทั้งดอก กลีบเลี้ยง ๓ กลีบ กลีบบนรูปไข่ กว้างประมาณ ๒ มม. ยาวประมาณ ๔ มม. ปลายเรียวแหลม ขอบจักซี่ฟันและมีรยางค์แข็ง ด้านในมีขนประปรายใกล้ปลายกลีบ กลีบข้างรูปแถบ กว้างประมาณ ๓ มม. ยาว ๓.๕-๓.๗ ซม.



ปลายแหลม กลีบบิด ขอบด้านที่อยู่ใกล้กันของกลีบเชื่อมติดกันประมาณ ๙ ใน ๑๐ ของความยาวกลีบกลีบดอก ๓ กลีบ กลีบด้านข้างรูปสามเหลี่ยมฐานเบี้ยวกว้าง ๑.๕-๑.๘ มม. ยาวประมาณ ๓ มม. ปลายเรียวแหลม ขอบมีขนครุยและมีรยางค์แข็ง ด้านในมีขนนุ่มประปราย กลีบล่าง ๑ กลีบ เป็นกลีบปาก สีม่วงแกมสีดำ ขอบกลีบทั้ง ๒ ข้างมีขนแผงหรือปุ่มยื่นยาวสีม่วงแกมสีน้ำตาลหนาแน่น รูปคล้ายลิ้น กว้าง ๑-๑.๒ มม. ยาวประมาณ ๓ มม. ปลายมนและโค้งลง ขอบกลีบทั้ง ๒ ข้างยกขึ้นเป็นสัน โคนบริเวณที่ติดกับเส้าเกสรเป็นแถบเนื้อเยื่อบาง ทำให้กลีบปากไหวได้ง่าย เส้าเกสรสีขาวอมชมพู กว้างประมาณ ๑ มม. ยาวประมาณ ๒ มม. มีรยางค์สีขาว รูปลิ่มแคบ ยาว ๑-๑.๓ มม. ยื่นยาวออกมาทางด้านข้าง คางยาวประมาณ ๑ มม. ฝาครอบกลุ่มเรณูสีขาวแกมสีชมพู รูปเกือบกลม กว้างและยาว ๐.๕-๐.๘ มม. กลุ่มเรณูสีเหลืองสด รูปเกือบกลม แบนด้านข้างเล็กน้อย มี ๔ กลุ่ม เรียงเป็น ๒ ชุด ชุดละ ๒ กลุ่ม กว้างและยาวประมาณ ๐.๒ มม. รังไข่อยู่ใต้วงกลีบ ยอดเกสรเพศเมียเป็นแอ่งอยู่ทางด้านหน้าใกล้ปลายเส้าเกสร

 ผลแบบผลแห้งแตก รูปทรงรี เมล็ดขนาดเล็กมากคล้ายผง มีจำนวนมาก

 ตรีภูติมีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทางภาคเหนือ พบตามป่าสนผสมก่อ ป่าดิบเขาต่ำ และป่าเต็งรังผสมก่อ ที่สูงจากระดับทะเลปานกลาง ๔๐๐-๑,๗๐๐ ม. ออกดอกเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ ในต่างประเทศพบที่เมียนมา ลาว และเวียดนาม.

ชื่อหลักหรือชื่อทางการ
ตรีภูติ
ชื่อวิทยาศาสตร์
Bulbophyllum tripudians C. S. P. Parish et Rchb. f.
ชื่อสกุล
Bulbophyllum
คำระบุชนิด
tripudians
ชื่อผู้ตั้งพรรณพืช
- Parish, Charles Samuel Pollock
- Reichenbach, Heinrich Gustav
ช่วงเวลาเกี่ยวกับผู้ตั้งพรรณพืช
- Parish, Charles Samuel Pollock (1822-1897)
- Reichenbach, Heinrich Gustav (1824-1889)
ชื่ออื่น ๆ
สิงโตกระดิ่งใบพัด, สิงโตใบพาย (เชียงใหม่)
ผู้เขียนคำอธิบาย
นายภัทธรวีร์ พรมนัส และ รศ. ดร.อบฉันท์ ไทยทอง