กุ่มน้ำชนิดนี้เป็นไม้ต้น สูงได้ถึง ๒๐ ม.
ใบประกอบแบบนิ้วมือมีสามใบย่อย ออกเป็นกลุ่มหนาแน่นตามปลายกิ่ง ก้านใบประกอบยาว ๖.๕-๑๐ ซม. หูใบเล็ก ร่วงง่าย ใบย่อยรูปรีหรือรูปไข่ กว้าง ๔-๑๐.๕ ซม. ยาว ๘.๕-๑๖ ซม. ปลายแหลมหรือเรียวแหลม โคนสอบ ขอบเรียบเมื่ออ่อนอยู่ใบบางนุ่ม เมื่อแก่หนา เส้นแขนงใบข้างละ ๗-๑๑ เส้น โค้งไปหาขอบใบ แต่ละคู่อยู่ห่าง ๆ กัน ใบย่อยไม่มีก้านหรือถ้ามียาวไม่เกิน ๕ มม.
ช่อดอกแบบช่อกระจะถี่ แต่ละช่อมักมีจำนวนมาก ดอกสีขาวแล้วค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง ก้านดอกยาว ๒-๙ ซม. ใบประดับเล็กมาก กลีบเลี้ยงรูปรีหรือรูปไข่ ปลายมนหรือแหลม กว้าง ๒-๓ มม. ยาว ๔-๗ มม. กลีบดอกรูปไข่กว้างหรือรูปรี ปลายมนหรือแหลม กว้าง ๑-๒ ซม. ยาว ๑.๕-๓ ซม. โคนกลีบเป็นเส้นคล้ายก้าน ยาว ๐.๕-๒ ซม. เกสรเพศผู้สีแดงหรือม่วง มี ๑๐-๓๐ อัน ส่วนมากพบ ๑๓-๑๘ อัน ก้านชูอับเรณูยาว ๑.๕-๕ ซม. ก้านยอดเกสรเพศเมียยาว ๔-๗ ซม. รังไข่รูปไข่หรือกึ่งทรงกระบอก มี ๑ ช่อง
ผลสีเทาอมเหลือง ค่อนข้างกลมยาวหรือรูปไข่ กว้าง ๕.๕-๙.๕ ซม. ยาว ๖-๑๕ ซม. ผิวเมื่อแก่เป็นสะเก็ดหยาบ ๆ มีเมล็ดมาก คล้ายรูปหัวใจเบี้ยว กว้าง ๐.๕-๑.๗ ซม. ยาว ๑-๑.๙ ซม.
กุ่มน้ำชนิดนี้มีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทั่วทุกภาค ขึ้นตามป่าที่มีน้ำท่วมถึง และตามริมฝั่งน้ำ ในต่างประเทศพบที่อินเดีย พม่า ภูมิภาคอินโดจีน และภูมิภาคมาเลเซีย
เปลือกรากใช้เป็นยาถูนวดให้เลือดมาเลี้ยงบริเวณนั้นมาก ๆ เปลือกต้นเป็นยาเจริญอาหาร ยาระบาย ยาขับปัสสาวะแก้ไข้ ขับน้ำเหลืองเสีย และแก้โรคนิ่ว (Suwal, 1970) เปลือกโขลกแช่น้ำกินแก้ท้องผูก ใบลนไฟปิดหูแก้ปวด ต้นและใบต้มกินแก้โรคบิด ปวดท้อง ปวดศีรษะ ดอกกินเป็นยาเจริญอาหาร (Perry and Metzger, 1980).