เงาะเป็นไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง ๑๕-๒๕ ม. เรือนยอดเป็นพุ่ม เปลือกสีเทาเข้มอมน้ำตาล
ใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ เรียงเวียน ก้านใบยาว ๑๕-๔๐ ซม. มีใบย่อย ๗-๑๒ ใบ รูปรี รูปขอบขนาน หรือรูปไข่กลับ กว้าง ๕-๑๐ ซม. ยาว ๑๐-๑๕ ซม. ปลายมนหรือค่อนข้างแหลม โคนสอบ ขอบเรียบแผ่นใบด้านบนเป็นมัน ก้านใบย่อยยาวประมาณ ๕ มม.มีขนสีน้ำตาลหรือเกลี้ยง
ดอกแยกเพศต่างต้นหรือร่วมต้น ช่อดอกคล้ายช่อกระจุกแยกแขนง ยาว ๑๐-๒๕ ซม. ออกตามปลายกิ่ง ดอกเล็ก กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกัน ๑-๒ มม. ปลายแยกเป็น ๔-๗ แฉก รูปสามเหลี่ยม ยาว ๑-๒ มม. ไม่มีกลีบดอกหรืออาจพบได้ถึง ๔ กลีบ สีเขียวอ่อน ยาว ๔-๖ มม. มีก้านกลีบยาวประมาณ ๑ มม. ด้านนอกเกลี้ยง ด้านในมีขนยาว เกสรเพศผู้ ๕-๘ เกสร ก้านชูอับเรณูสีขาว จานฐานดอกรูปวงแหวน รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ มีขน มี ๒ ช่อง พบน้อยที่มี ๔ ช่อง แต่ละช่องมีออวุล ๑ เม็ด เมื่อเป็นผลจะเหลือเพียงช่องเดียว ก้านยอดเกสรเพศเมียอวบสั้น ติดอยู่ระหว่างพูของรังไข่ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็น ๒ แฉก พบน้อยที่มี ๔ แฉก
ผลคล้ายผลแห้งแตก ออกรวมกันเป็นช่อ ๑๐-๑๒ ผล ทรงรูปไข่หรือทรงกลม กว้างประมาณ ๓.๕ ซม.ยาวประมาณ ๖ ซม. ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่จัดสีเหลืองสีส้ม หรือสีแดง เปลือกชั้นนอกขรุขระ มีขนทั่วผล ยาว ๐.๕-๑.๘ ซม. มี ๑ เมล็ด รูปทรงรี มีเยื่อหุ้มเป็นเนื้อนุ่มสีขาวหรือสีขาวอมเหลืองอ่อน รสหวาน บางพันธุ์รสหวานอมเปรี้ยว
เงาะมีการปลูกในประเทศไทยเกือบทุกภาคพบปลูกมากทางภาคตะวันออกเฉียงใต้และภาคใต้ ตามที่ราบ ไหล่เขา ริมน้ำ ที่สูงตั้งแต่ใกล้ระดับทะเลถึงประมาณ ๖๐๐ ม. ออกดอกเดือนธันวาคมถึงเมษายนเป็นผลเดือนเมษายนถึงกันยายน ในต่างประเทศพบที่จีนตอนใต้ ภูมิภาคอินโดจีน ภูมิภาคมาเลเซีย และเกาะเซเลบีส
ประโยชน์ เงาะเป็นไม้ผลเศรษฐกิจ มีหลายพันธุ์ เช่น พันธุ์สีชมพู พันธุ์โรงเรียน พันธุ์สีทอง พันธุ์น้ำตาลกรวด.