ครามป่าชนิดนี้เป็นไม้พุ่ม สูง ๓๐-๖๐ ซม. ทุกส่วนมีขนนุ่ม
ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงเวียน แกนกลางยาว ๑-๑๕ ซม. ใบย่อย ๕-๒๕ ใบ เรียงตรงข้ามรูปใบหอกกลับ กว้าง ๐.๒-๑.๑ ซม. ยาว ๐.๕-๓ ซม. ปลายมนถึงเว้าตื้น โคนแหลมถึงป้าน ขอบเรียบ ด้านบนเกลี้ยง ด้านล่างมีขนนุ่ม เส้นแขนงใบข้างละ ๓-๑๓ เส้น เรียงขนานเป็นแนวเฉียงไปทางปลายใบ ก้านใบย่อยสั้นหูใบกว้าง ๐.๑-๒ มม. ยาว ๒-๙ มม.
ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกที่ปลายกิ่งหรือตรงข้ามใบ ก้านช่อดอกยาว ๑๐-๑๕ ซม. ดอกรูปดอกถั่วสีแดงถึงสีม่วง ยาว ๔-๙ มม. ก้านดอกยาว ๒-๖ มม. กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย ปลายแยกเป็น ๕ แฉก กลีบคอก ๕ กลีบ กลีบกลางรูปไข่กว้าง ปลายกลีบมน กว้าง ๐.๕-๑ ซม. ยาว ๔-๗ มม. กลีบคู่ข้างกว้าง ๒-๔ มม. ยาว ๓-๖ มม. กลีบคู่ล่างติดกันเป็นรูปท้องเรือ กว้าง ๒-๓ มม. ยาว ๒-๕ มม. เกสรเพศผู้ ๑๐ เกสร โคนก้านชูอับเรณูติดรวมเป็นหลอด ยาว ๔-๖ มม. ปลายแยกเป็นก้านอิสระ ยาวไม่เท่ากัน ยาว ๐.๘-๓ มม. อับเรณูเล็กมาก รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ มี ๑ ช่อง ออวุล ๕-๘ เม็ด ก้านยอด เกสรเพศเมียยาว ๒-๕ มม. ปลายบิดโค้ง ยอดเกสรเพศเมียเรียวแหลม
ผลแบบผลแห้งแตกสองแนว รูปขอบขนานปลายแหลม ยาวประมาณ ๔ ซม. เมล็ดแบน รูปสี่เหลี่ยมคางหมูถึงรูปทรงรี กว้าง ๒-๓ มม. ยาว ๓-๔ มม. สีนํ้าตาลอ่อน แก่จัดสีดำ มี ๒-๘ เมล็ด
ครามป่าชนิดนี้มีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทั่วทุกภาคพบตามทุ่งหญ้าไร่ร้าง ริมทาง ริมน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ดินทราย ที่สูงตั้งแต่ใกล้ระดับน้ำทะเลถึงประมาณ ๑,๒๐๐ ม.ในต่างประเทศพบในเขตร้อนชื้น
ประโยชน์ ใช้ทำเป็นปุ๋ยพืชสด ในอินเดียใช้ทุกส่วนของพืชประกอบเป็นยาบำรุง แก้กระหาย ในออสเตรเลียมีรายงานว่าพืชนี้มีพิษต่อปศุสัตว์