กะทกรก ๒

Olax psittacorum (Willd.) Vahl

ชื่ออื่น ๆ
กระเดาะ (สงขลา); กระเดาะอาจิง (มลายู-นราธิวาส); กระทอก, ชักกระทอก (ประจวบคีรีขันธ์); กระทอกม้า (ราชบ
ไม้พุ่มรอเลื้อย ใบเรียงสลับ รูปรีหรือรูปขอบขนานแกมรี ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกตามง่ามใบ ดอกสีขาว กลิ่นหอม ผลแบบผลเมล็ดเดียวแข็ง รูปกลมหรือรูปไข่ ผลสุกสีเหลืองหรือส้ม

กะทกรกชนิดนี้เป็นไม้พุ่มรอเลื้อย มีกิ่งก้านมาก มีขนตามกิ่ง กิ่งแก่มีหนามใหญ่โค้งเล็กน้อย

 ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปรีหรือรูปขอบขนานแกมรี กว้าง ๐.๗-๓.๘ ซม. ยาว ๒-๙.๕ ซม. ปลายมน โคนสอบหรือมนขอบเรียบ ก้านใบยาว ๓-๗ มม. มีขน

 ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกตามง่ามใบ ยาว ๐.๕-๓.๕ ซม. ก้านช่อดอกยาวประมาณ ๔ มม. มีขน ดอกเล็ก สีขาวกลิ่นหอม ก้านดอกสั้น มีขน ใบประดับรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ยาวประมาณ ๒ มม. มีขน ร่วงง่าย กลีบเลี้ยงติดกันเป็นรูปถ้วย ปลายตัด กลีบดอก ๓-๖ กลีบ รูปแถบ ปลายแหลมโคนติดกันเล็กน้อย เกสรเพศผู้ ๓ อัน เกสรเพศผู้เป็นหมัน ๕-๖ อัน ปลายแยกเป็น ๒ แฉก รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ มี ๑ ช่อง มีออวุล ๒-๓ เม็ด รูปขอบขนานแกมรูปไข่หรือรูปไข่ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็น ๓ แฉก

 ผลแบบผลเมล็ดเดียวแข็ง รูปกลมหรือรูปไข่ เส้นผ่านศูนย์กลาง ๑-๑.๕ ซม. มีวงกลีบเลี้ยงที่ขยายใหญ่หุ้มผล ประมาณ ๒ ใน ๓ ส่วน ผลสุกสีเหลืองหรือส้ม

 กะทกรกชนิดนี้มีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทั่วทุกภาค ในต่างประเทศพบที่จีน อินเดีย ศรีลังกา พม่า ภูมิภาคอินโดจีน และอินโดนีเซีย

 เปลือกใช้เป็นยาแก้ไข้ (Perry and Metzger, 1980)

ชื่อหลักหรือชื่อทางการ
กะทกรก ๒
ชื่อวิทยาศาสตร์
Olax psittacorum (Willd.) Vahl
ชื่อสกุล
Olax
คำระบุชนิด
psittacorum
ชื่อผู้ตั้งพรรณพืช
- Willdenow, Carl Ludwig von
- Vahl, Martin (Henrichsen)
ช่วงเวลาเกี่ยวกับผู้ตั้งพรรณพืช
- Willdenow, Carl Ludwig von (1765-1812)
- Vahl, Martin (Henrichsen) (1749-1804)
ชื่ออื่น ๆ
กระเดาะ (สงขลา); กระเดาะอาจิง (มลายู-นราธิวาส); กระทอก, ชักกระทอก (ประจวบคีรีขันธ์); กระทอกม้า (ราชบ
ผู้เขียนคำอธิบาย
รศ.ธาตรี ผดุงเจริญ