แครกฟ้าเป็นไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ผลัดใบ สูง ๘-๒๒ ม. เปลือกสีเทา แตกเป็นร่องไม่เป็นระเบียบ กิ่งอ่อนและยอดมีขนรูปดาวสีเทาหนาแน่น
ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ยาว ๒๕-๗๐ ซม. ใบย่อย ๗-๙ ใบ เรียงตรงข้าม รูปขอบขนาน รูปขอบขนานแกมรูปรี หรือรูปขอบขนานแกมรูปไข่ กว้าง ๕-๑๔ ซม. ยาว ๙-๒๑ ซม. ปลายมนกว้างเป็นติ่งแหลมสั้น โคนม และเบี้ยว ขอบเรียบ แผ่นใบด้านบนมีขนประปรายหรือเกลี้ยง ด้านล่างมีขนสีเทาหนาแน่นและมีต่อมกลมเล็ก ๆ ตามแนวเส้นกลางใบ ก้านใบย่อยยาว ๐.๑-๑.๒ ซม.
ช่อดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนง ออกตามปลายกิ่ง ยาว ๑๐-๒๔ ซม. ดอกบานกลางวัน กลิ่นหอม มีขนสีเทาหนาแน่น กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาว ๑.๗-๓.๕ ซม. ปลายแยกเป็น ๒-๓ แฉก มีขนสีเทาอมเหลืองหนาแน่น กลีบดอกสีขาวนวลหรือสีเหลืองอ่อนอมเทา โคนเชื่อมติดกันคล้ายรูปแตร ยาว ๓.๕-๕ ซม. ปากหลอดดอกรูปปากเปิด แยกเป็นกลีบบน ๓ กลีบ กลีบล่าง ๒ กลีบ กลีบย่น ด้านนอกมีขนรูปดาวประปรายหรือเกือบเกลี้ยง เกสรเพศผู้ ๒ คู่ แต่ละคู่ยาวไม่เท่ากันรังไข่อยู่เหนือวงกลีบ มี ๒ ช่อง แต่ละช่องมีออวุล
ผลแบบผลแห้งแตก เป็นฝักแบนยาว ปลายแหลม กว้าง ๕-๘ ซม. ยาว ๓๐-๕๕ ซม. มีขนสีน้ำตาลอมเหลืองหนาแน่น ผนังผลแบน แข็ง กว้างประมาณ ๓.๔ ซม. เมล็ดจำนวนมาก แบน บาง มีปิกบาง โปร่งแสง โค้งคล้ายรูปจาน
แครกฟ้ามีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันตกพบขื่นในป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณแล้ง ที่สูงตั้งแต่ใกล้ระดับน้ำทะเลถึงประมาณ ๔๐๐ ม. ออกดอกเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม เป็นผลเดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม ในต่างประเทศพบที่พม่า ลาว และกัมพูชา.