ชิงเห่า

Artemisia annua L.

ชื่ออื่น ๆ
คิงเห่า, แชเห่า (จีน)
ไม้ล้มลุกปีเดียว ลำต้นตั้งตรง เป็นร่องตามยาว ทุกส่วนมีกลิ่นหอม ใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปขอบขนานรูปไข่ หรือรูปไข่แกมรูปสามเหลี่ยม หยักลึกแบบขนนก ๑-๔ ครั้ง ใบที่โคนต้นมีขนาดใหญ่กว่าและมีก้านใบยาวกว่าใบที่อยู่ด้านบนขึ้นไปตามลำดับ ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง โปร่ง ออกที่ปลายยอดหรือซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ช่อย่อยแบบช่อกระจุกแน่น ดอกสีเหลืองอมเขียวหรือสีเหลือง ผลแบบผลแห้งเมล็ดล่อน รูปทรงกระบอกหรือทรงรูปไข่แกมรูปทรงรี สีน้ำตาลอมเหลือง มี ๑ เมล็ด สีน้ำตาล รูปคล้ายผล

ชิงเห่าเป็นไม้ล้มลุกปีเดียว สูง ๐.๓-๒ ม. ลำต้นตั้งตรง แตกกิ่งก้านมาก ลำต้นและกิ่งรูปทรงกระบอกเป็นร่องตามยาว สีเขียวอ่อน มีขนละเอียดประปรายหรือไม่มี กิ่งแก่เกลี้ยง ทุกส่วนมีกลิ่นหอม

 ใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปขอบขนาน รูปไข่ หรือรูปไข่แกมรูปสามเหลี่ยม มีต่อมโปร่งแสง มีขน ๒ แบบ เป็นขนหลายเซลล์เส้นเดียวเรียง ๒ แถว และขนหลายเซลล์รูปตัวที (T) ใบที่โคนต้นมีขนาดใหญ่กว่าและมีก้านใบยาวกว่าใบที่อยู่ด้านบนขึ้นไปตามลำดับ ใบหยักลึกแบบขนนก ๑-๔ ครั้ง เป็นแฉกรูปใบหอกแคบหรือรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน ใบที่โคนต้นกว้าง ๒-๑๐ ซม. ยาว ๓-๑๕ ซม. ขอบหยักลึกแบบขนนก ๓ หรือ ๔ ครั้ง เป็น ๕-๑๐ คู่ ใบบริเวณกลางต้นยาว ๐.๘-๓ ซม. ขอบใบหยักลึกแบบขนนก ๒ หรือ ๓ ครั้ง เป็นแฉกรูปแถบ รูปเส้นด้าย หรือรูปคล้ายกระบองแกมรูปเส้นด้าย ขอบจักลึกแบบฟันเลื่อยถึงจักซี่หวี แต่ละจักรูปสามเหลี่ยม กว้างประมาณ ๐.๕ มม. ยาว ๑-๒ มม. เส้นใบด้านบนนูนเล็กน้อยแกนกลางใบมีปีกแคบ แผ่นใบด้านล่างมีขนสั้นนุ่มหรือขนคล้ายใยแมงมุม ก้านใบยาว ๑-๒ ซม. ใบที่อยู่ส่วนบนสุดแยกลึกแบบขนนก ๑ หรือ ๒ ครั้ง ไม่มีก้านใบ

 ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง โปร่ง ออกที่ปลายยอดหรือซอกใบใกล้ปลายกิ่ง รูปกรวย กว้างประมาณ ๘ ซม. ยาวประมาณ ๑๕ ซม. ช่อแขนงแบบช่อกระจะช่อย่อยแบบช่อกระจุกแน่น รูประฆังหรือค่อนข้างกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง ๒-๓ มม. ก้านช่อดอกสั้น


ปลายมักงอลง วงใบประดับรูปไข่หรือรูประฆัง เส้นผ่านศูนย์กลาง ๑.๕-๒.๕ มม. มี ๓-๔ ชั้น ชั้นนอกสีเขียว รูปขอบขนานแกมรูปแถบ ชั้นในรูปกลมแกมรูปไข่ ขอบบางและแห้ง เป็นมัน ฐานดอกร่วมรูปจาน ก้านช่อดอกมีขนรูปตัวที (T) ส่วนฐานดอกร่วมวงใบประดับ และกลีบดอกมีขนต่อมหลายเซลล์เรียง ๒ แถว เป็นเส้นเดียว ดอกวงนอกเป็นดอกเพศเมียมี ๑๐-๑๘ ดอก ไม่มีกลีบเลี้ยง กลีบดอกยาวประมาณ ๐.๕ มม. โคนเชื่อมติดกันเล็กน้อย ปลายแยกเป็น ๒-๓ แฉก รังไข่อยู่ใต้วงกลีบ มี ๑ ช่อง ออวุล ๑ เม็ด ก้านยอดเกสรเพศเมียโผล่พ้นหลอดกลีบดอก ยอดเกสรเพศเมียมี ๒ แฉก ดอกวงในเป็นดอกสมบูรณ์เพศมี ๑๐-๓๐ ดอก สีเหลืองอมเขียวหรือสีเหลือง ไม่มีกลีบเลี้ยง กลีบดอกยาวประมาณ ๑.๕ มม. โคนเชื่อมติดกันเป็นรูประฆัง ยาวประมาณ ๑ มม. ปลายแยกเป็น ๕ แฉก เกสรเพศผู้ ๕ เกสร ยาวใกล้เคียงกับกลีบดอก ก้านชูอับเรณูแยกจากกัน อับเรณูชิดกันทางด้านข้าง ปลายอับเรณูมีรยางค์รูปสามเหลี่ยมปลายแหลม ๑ อัน โคนอับเรณูมีรยางค์ปลายมน ๒ อัน รังไข่อยู่ใต้วงกลีบ มี ๑ ช่อง ออวุล ๑ เม็ด ก้าน

ยอดเกสรเพศเมียโผล่พ้นหลอดกลีบดอก ยอดเกสรเพศเมียมี ๒ แฉก

 ผลแบบผลแห้งเมล็ดล่อน รูปทรงกระบอกหรือทรงรูปไข่แกมรูปทรงรี ยาว ๐.๖-๑ มม. สีน้ำตาลอมเหลือง ผิวเป็นมัน มีร่องตามยาว มี ๑ เมล็ดสีน้ำตาล รูปคล้ายผล ไม่มีแพปพัส

 ชิงเห่าเป็นพรรณไม้ต่างประเทศ มีเขตการกระจายพันธุ์ในอเมริกาเหนือ ยุโรป ทางเหนือของแอฟริกา และในเอเชียเขตร้อน พบทั่วไปในประเทศจีน มักขึ้นตามเนินเขา ตามชายป่า และที่รกร้าง ที่สูงจากระดับทะเล ๒๐๐-๓,๖๐๐ ม. ออกดอกและเป็นผลเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายนนำเข้ามาปลูกในประเทศไทยทางภาคเหนือ

 ประโยชน์ ลำต้น กิ่ง และใบมีน้ำมันหอมระเหยสารกลุ่มเฟลโวนอยด์และสารกลุ่มเซสควิเทอร์พีนแล็กโทนหลายชนิด ที่สำคัญ คือ อาร์เทมิซินิน ซึ่งเรียกว่า ชิงเห่าซู่ นำมาใช้เป็นยาแผนปัจจุบันรักษาโรคมาลาเรียได้ผลดี.

ชื่อหลักหรือชื่อทางการ
ชิงเห่า
ชื่อวิทยาศาสตร์
Artemisia annua L.
ชื่อสกุล
Artemisia
คำระบุชนิด
annua
ชื่อผู้ตั้งพรรณพืช
- Linnaeus, Carl
ช่วงเวลาเกี่ยวกับผู้ตั้งพรรณพืช
- (1707-1778)
ชื่ออื่น ๆ
คิงเห่า, แชเห่า (จีน)
ผู้เขียนคำอธิบาย
รศ.กัลยา ภราไดย