ชิงชันเป็นไม้ต้น สูง ๑๐-๒๕ ม. เนื้อไม้สีแดงคล้ำ เปลือกสีน้ำตาลอมเทา แตกเป็นแว่นหรือเป็นแผ่นขนาดเล็ก เปลือกชั้นในสีเหลือง กิ่งอ่อนเกลี้ยงหรือมีขนประปราย
ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงเวียน ยาว ๑๐-๒๐ ซม. ใบย่อยมี ๑๑-๒๗ ใบ เรียงสลับ รูปรีแกมรูปไข่ รูปขอบขนาน หรือรูปรี กว้าง ๑.๒-๒.๔ ซม. ยาว ๓-๕.๗ ซม. ปลายมน เว้าเล็กน้อยหรือแหลมโคนสอบหรือมน ขอบเรียบ แผ่นใบบางคล้ายกระดาษเกลี้ยงทั้ง ๒ ด้าน เส้นแขนงใบข้างละ ๔-๑๒ เส้น เส้นใบย่อยแบบร่างแห เห็นชัดเจนทั้ง ๒ ด้าน ก้านใบยาว ๑.๕-๓.๕ ซม. ก้านใบย่อยยาว ๓-๕ มม. มีขนสั้นประปราย หูใบขนาดเล็กมาก ร่วงง่าย
ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ออกตามปลายกิ่งหรือซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ช่อดอกยาว ๘-๑๗ ซม. ใบประดับและใบประดับย่อยขนาดเล็ก ร่วงง่าย ดอกรูปดอกถั่ว ก้านดอกยาว ๐.๑-๑ ซม. กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันเป็นรูประฆัง สีเขียวนวล สีเขียวอ่อน หรือสีม่วงแดง ยาว ๔-๕ มม. เกลี้ยงหรือมีขนประปราย ปลาย
ผลแบบผลแห้งไม่แตก เป็นฝักแบน รูปทรงรี รูปขอบขนาน หรือรูปใบหอก กว้าง ๑.๗-๓.๕ ซม. ยาว ๘-๑๗ ซม. เกลี้ยง ก้านผลยาว ๐.๘-๑.๕ ซม. เมล็ดรูปคล้ายไต สีน้ำตาลแดงถึงสีน้ำตาลเข้ม กว้างประมาณ ๑ ซม. ยาวประมาณ ๑.๒๕ ซม. มี ๑-๓ เมล็ด
ชิงชันมีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทั่วทุกภาค พบตามป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง หรือพื้นที่เปิดโล่ง ที่สูงจากระดับทะเล ๓๕๐-๑,๕๐๐ ม. ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม เป็นผลเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม ในต่างประเทศพบที่เมียนมาและภูมิภาคอินโดจีน
ประโยชน์ เนื้อไม้ใช้ทำเครื่องเรือน ด้ามเครื่องมือ และเครื่องใช้ต่าง ๆ.