ชาฤๅษีเคราขาวเป็นไม้ล้มลุกหลายปี สูง ๑๕-๔๕ ซม. เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น ๑-๑.๘ ซม. เปลือกสีน้ำตาลอมเทา แตกเป็นร่องสั้น ๆ ตามแนวยาว นุ่มคล้ายนวม ส่วนโคนค่อนข้างแข็งคล้ายมีเนื้อไม้ มีรอยแผลใบและมีขนคล้ายใยแมงมุม สีขาวนวลถึงสีน้ำตาลอ่อนหนาแน่น ปลายกิ่งเปราะแตกหักง่าย
ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ใบใกล้ยอดมี ๓-๕ คู่ เรียงถี่ใกล้ปลายยอด ใบล่างแห้งติดทนและมีขนคล้ายใยแมงมุมสีขาวถึงสีขาวอมส้มหนาแน่นใบรูปรีถึงรูปไข่ กว้าง ๑๐-๑๘ ซม. ยาว ๒๕-๔๐ ซม. ปลายแหลม โคนสอบเรียว ขอบจัก แผ่นใบบางคล้ายกระดาษ เปราะและแตกหักง่าย ด้านบนสีเขียวอ่อนมีขนคล้ายใยแมงมุมสีขาวหนาแน่น เส้นแขนงใบข้างละ ๑๕-๑๗ เส้น เป็นสันนูน เห็นชัดทางด้านล่างเส้นใบย่อยแบบร่างแห ก้านใบยาว ๖-๑๐ ซม. มีขนคล้ายใยแมงมุมสีน้ำตาลอ่อนอมส้มหนาแน่น ก้านใบที่อยู่เหนือขึ้นไปสั้นกว่าก้านด้านล่าง
ช่อดอกแบบช่อกระจุกเชิงประกอบ มี ๒-๔ ช่อ ออกตามซอกใบใกล้ปลายยอด ยาว ๖-๑๕ ซม. ก้านช่อดอกยาว ๑๙-๒๔ ซม. เส้นผ่านศูนย์กลาง ๓-๔ มม. มีขนคล้ายใยแมงมุมสีขาวหนาแน่น ก้านดอกยาว ๑.๕-๒ ซม. มีขนคล้ายใยแมงมุมสีขาวบาง ๆ ใบประดับรูปแถบแคบ กว้าง ๑.๕ มม. ยาว ๒-๓ ซม. ปลายแหลม ด้านนอกมีขนคล้ายใยแมงมุมสีขาวหนาแน่น กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันน้อยกว่า ๕ มม. ปลายแยกเป็น ๕ แฉก รูปคล้ายเส้นด้าย กว้างประมาณ ๐.๕ มม. ยาว ๑-๑.๓ ซม. ปลายแหลม สีเขียวอ่อนด้านนอกมีขนสีขาว กลีบดอกสีขาว ออกเป็นคู่รูปคล้ายวงล้อ โคนเชื่อมติดกัน ยาว ๓-๔ มม. ปลายแยกเป็น ๕ แฉก รูปไข่กลับหรือรูปเกือบกลม กว้าง ๗-๘ มม. ยาว ๘-๘.๕ มม. ปลายมน เกสรเพศผู้ ๕ เกสร ติดอยู่ในหลอดกลีบดอก เกสรเพศผู้ที่สมบูรณ์ ๒ เกสร ก้านชูอับเรณูสีขาวนวล รูปแถบยาวประมาณ ๒ มม. ตรงกลางโค้ง อับเรณูสีเหลือง กว้างประมาณ ๑.๕ มม. ยาวประมาณ ๓ มม. เกสรเพศผู้ที่เหลืออีก ๓ เกสรเป็นหมันและลดรูป ติดอยู่ใกล้โคนหลอดกลีบดอก จานฐานดอกรูปวงแหวนรังไข่อยู่เหนือวงกลีบ สีเขียว รูปทรงรี ยาวประมาณ ๓ มม. มี ๒ ช่อง แต่ละช่องมีออวุลจำนวนมากก้านยอดเกสรเพศเมียสีขาว ยาวประมาณ ๓ มม. ยอดเกสรเพศเมียเป็นตุ่ม สีขาวหรือสีขาวนวล
ผลแบบผลแห้งแตก รูปทรงกระบอกแคบ เรียวยาว กว้าง ๓-๔ มม. ยาวประมาณ ๑.๕ ซม. เมื่อแก่บิดเป็นเกลียวเล็กน้อย มีกลีบเลี้ยงติดทนขยายใหญ่ หุ้มอยู่ที่โคน มีขนคล้ายใยแมงมุมสีขาวหนาแน่น เมล็ดทรงรูปไข่ กว้างและยาว ๐.๒-๐.๓ มม. สีน้ำตาลเข้มมีจำนวนมาก
ชาฤๅษีเคราขาวเป็นพรรณไม้ถิ่นเดียวของไทยมีเขตการกระจายพันธุ์ทางภาคใต้ พบตามหน้าผาหินปูนที่สูงชัน ที่สูงตั้งแต่ใกล้ระดับทะเลถึงประมาณ ๓๐๐ ม. ออกดอกเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน เป็นผลเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน.