จิกเขาหลวงเป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ สูงได้ถึง ๑๘ ม.
ใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปใบหอกกลับหรือรูปใบหอก กว้าง ๖.๕-๘.๒ ซม. ยาว ๒๑-๒๖ ซม. ปลายแหลมหรือเรียวแหลม โคนรูปลิ่ม ขอบเรียบและม้วนลง ส่วนที่ค่อนไปทางปลายใบหยักมนถี่กึ่งจักฟันเลื่อย แผ่นใบบางคล้ายกระดาษ เส้นแขนงใบข้างละ ๑๔-๑๖ เส้น แต่ละเส้นห่างกัน ๑.๑-๒.๗ ซม. ปลายเส้นโค้งจดกันใกล้ขอบใบ ก้านใบยาว ๒-๖ มม.
ช่อดอกแบบช่อกระจะคล้ายช่อเชิงหลั่น ออกตามปลายกิ่ง ยาว ๘.๕-๑๘ ซม. มี ๘-๒๕ ดอก กระจายห่างกัน แกนกลางช่อมีเส้นผ่านศูนย์กลาง ๒-๕ มม. โดยมีความหนาจากโคนและค่อย ๆ เรียวแคบไปสู่ปลายใบประดับมีขนาดและรูปร่างแตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่มักเป็นรูปสามเหลี่ยม ดอกสีชมพู ฐานดอกรูปถ้วย ยาว ๕-๖ มม. โคนเชื่อมติดกับก้านดอกรูปแตร ยาว ๒.๘-๓.๕ ซม. กลีบเลี้ยง ๔ กลีบ โคนเชื่อมติดกันในดอกตูมปลายมีติ่งแหลม เมื่อดอกบานแยกเป็น ๒ ส่วน รูปใบหอกแกมรูปขอบขนานหรือรูปไข่ กว้างประมาณ ๑.๕ ซม. ยาว ๑.๓-๑.๗ ซม. กลีบเลี้ยงติดทน กลีบดอก ๔ กลีบ รูปขอบขนาน กว้าง ๑-๑.๒ ซม. ยาวประมาณ ๓ ซม. แต่ละกลีบปลายมน โคนค่อนข้างหนา ร่วงง่ายเกสรเพศผู้จำนวนมาก ยาว ๓.๘-๔ ซม. เรียงเวียนเป็น ๔-๕ ชั้น ร่วงง่าย โคนก้านชูอับเรณูเชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาว ๑.๕-๔ มม. และติดอยู่กับโคนกลีบดอก อับเรณูรูปค่อนข้างกลม กว้างและยาวประมาณ ๑ มม. ชั้นที่อยู่ด้านในมักเป็นหมัน รูปขอบขนาน แบน กว้างประมาณ ๑ มม. ยาว ๓.๒-๓.๔ ซม. รังไข่อยู่ใต้วงกลีบมี ๔ ช่อง แต่ละช่องมีออวุล ๒-๔ เม็ด ก้านยอดเกสรเพศเมียยาว ๕-๕.๕ ซม. โคนมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๑.๓ มม. และสอบเรียวไปสู่ปลาย ยอดเกสรเพศเมียเป็นตุ่มเล็ก
จิกเขาหลวงเป็นพรรณไม้ถิ่นเดียวของไทย มีเขตการกระจายพันธุ์ทางภาคใต้ พบตามป่าดิบชื้น ที่สูงจากระดับทะเล ๙๐๐-๑,๐๐๐ ม. ดอกบานเดือนพฤษภาคม ยังไม่มีข้อมูลการติดผลในประเทศไทย.