จิกเขาชนิดนี้เป็นไม้ต้นขนาดเล็ก สูง ๕-๑๐ ม. เปลือกสีน้ำตาล เรียบหรือแตกเป็นร่องเล็ก ๆ ตามยาวกิ่งมีช่องอากาศและรอยแผลใบทั่วไป
ใบเดี่ยว เรียงเวียนถี่เป็นกระจุกตามปลายกิ่งรูปไข่กลับหรือรูปใบหอกกลับ กว้าง ๓.๕-๘.๕ ซม. ยาว ๑๐-๒๕ ซม. ปลายเรียวแหลม โคนหยักเป็นรูปติ่งหูขอบจักฟันเลื่อยถี่ ๆ แผ่นใบค่อนข้างบาง ด้านบนสีเขียวเข้ม มีขนนุ่มประปราย เส้นกลางใบเป็นสันคมเมื่อใบแห้ง ด้านล่างสีเขียวอ่อน มีขนนุ่มตามเส้นกลางใบ เส้นแขนงใบข้างละ ๑๔-๑๘ เส้น แต่ละเส้นโค้ง ปลายเส้นจดกับเส้นถัดไปก่อนถึงขอบใบ เส้นใบย่อยแบบขั้นบันได สังเกตได้ทางด้านล่าง ก้านใบยาว ๒-๔ มม. ย่นและออกสีน้ำตาลแดงเมื่อแห้ง
ช่อดอกแบบช่อกระจะ ห้อยลง ออกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่งและตามปลายกิ่ง ยาว ๔๐-๖๐ ซม. ห้อยลง ใบประดับรูปใบหอก ร่วงง่าย ก้านดอกยาวประมาณ ๒ ซม. กลีบเลี้ยง ๔ กลีบ แยกเป็นอิสระแต่ซ้อนเกยกันมีขนสีน้ำตาลแดงทั้ง ๒ ด้าน กลีบดอก ๔ กลีบ รูปช้อนหรือรูปไข่กลับ สีชมพู กว้างประมาณ ๑-๒ มม. ยาว ๓-๕ มม. เกสรเพศผู้สีแดง มีจำนวนมาก เป็นพู่ยาว โคนก้านชูอับเรณูติดกันเล็กน้อยเป็นรูปวงแหวน รังไข่อยู่ใต้วงกลีบ มี ๔ ช่อง แต่ละช่องมีออวุล ๒ เม็ด ก้านยอดเกสรเพศเมียเป็นเส้น ยอดเกสรเพศเมียเป็นตุ่ม
ผลแบบผลแห้งไม่แตก รูปทรงรีหรือค่อนข้างป้อม กว้าง ๑.๗-๒.๒ ซม. ยาว ๔.๕-๕.๕ ซม. มีสันตามยาว ๔ สัน โคนและปลายค่อนข้างสอบ มีกลีบเลี้ยงและก้านยอดเกสรเพศเมียติดทน เมล็ดรูปทรงรี มี ๑ เมล็ด
จิกเขาชนิดนี้มีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทางภาคใต้ พบขึ้นตามป่าดิบใกล้แหล่งน้ำและชายฝั่งทะเล ที่สูงจากระดับทะเล ๕๐-๓๕๐ ม. ออกดอกและเป็นผลเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ในต่างประเทศพบที่มาเลเซีย.