เครือน่องขนเป็นไม้เถา ยาวได้ถึง ๒๐ ม. มียางสีขาว กิ่งมีขนละเอียดหรือเกลี้ยง กิ่งอ่อนเป็นเหลี่ยมเมื่อแก่กลม
ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปขอบขนานหรือรูปรีกว้าง ๑.๕-๔.๗ ซม. ยาว ๔.๘-๑๕ ซม. ปลายเรียวแหลม โคนรูปลิ่มหรือมน ขอบเรียบ ด้านล่างมีจุดโปร่งแสงสีนํ้าตาล เส้นแขนงใบข้างละ ๗-๑๓ เส้น เส้นใบย่อยเห็นไม่ชัด ก้านใบยาว ๑-๒ ซม.
ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ออกที่ปลายกิ่งหรือตามซอกใบ ยาว ๒.๒-๔ ซม. มีขนละเอียด ช่อย่อยแบบช่อกระจุก ก้านดอกยาว ๑-๔ มม. ที่โคนก้านมีใบประดับกลีบเลี้ยง ๕ กลีบ รูปไข่ กว้างประมาณ ๑ มม. ยาว ๑-๒ มม. ปลายแหลมถึงมน ผิวเกลี้ยงหรือมีขนละเอียดที่โคน ขอบมีขนครุย โคนด้านในของแต่ละกลีบมีต่อม ๑-๒ ต่อม กลีบดอกสีขาวอมเขียวหรือสีเหลือง โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดรูปทรงกระบอกแคบ ยาว ๒-๓ มม. ปลายแยกเป็น ๕ แฉก ซ้อนเหลื่อมไปทางขวาในดอกตูมแฉกรูปใบหอกเบี้ยว ยาว ๒-๓ มม. ด้านนอกเกลี้ยงหรือมีขนละเอียด ด้านในมีขนสั้นนุ่ม เกสรเพศผู้ ๕ เกสร ติดใกล้โคนหลอดกลีบดอก ก้านชูอับเรณูสั้นอับเรณูคล้ายหัวลูกศร ยาวประมาณ ๑ มม. เรียงเป็นวงล้อมรอบและแนบกับยอดเกสรเพศเมีย จานฐานดอกเป็นวง ขอบหยักมนหรือหยักซี่ฟัน มี ๕ หยัก รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ มี ๑ คู่ ยาวประมาณ ๑ มม. แต่ละรังไข่ มี ๑ ช่อง มีออวุลจำนวนมาก ก้านยอดเกสรเพศเมียเชื่อมติดกัน ความยาวรวมกับยอดเกสรเพศเมียประมาณ ๑ มม. ยอดเกสรเพศเมียเป็นตุ่ม ปลายแหลม
ผลแบบผลแห้งแตกแนวเดียว ออกเป็นคู่ รูปทรงกระบอก เรียว กว้าง ๐.๘-๑.๒ ซม. ยาว ๗.๕-๑๓.๖ ซม. เมล็ดรูปคล้ายกระสวย ค่อนข้างแบน สีนํ้าตาล ยาว ๑-๑.๕ ซม. ปลายด้านหนึ่งเป็นจะงอย ยาว ๓.๕-๖ มม. รอบจะงอยมีขนเป็นพู่ ยาว ๒-๖ ซม.
เครีอน่องขนมีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ พบขึ้นตามป่าดิบ ที่สูงจากระดับนํ้าทะเล ๖๐๐-๘๐๐ ม. ออกดอกเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม เป็นผลเดือนมิถุนายนถึงธันวาคม ในต่างประเทศพบที่จีนและกัมพูชา.