ตาเหินหลวง

Hedychium stenopetalum G. Lodd.

ชื่ออื่น ๆ
คอยาอึ (แม่ฮ่องสอน)
ไม้ล้มลุกหลายปี บางครั้งพบเป็นพืชอิงอาศัย มักพบเป็นต้นเดี่ยวหรือแตกกอ เหง้าค่อนข้างใหญ่ ฉ่ำน้ำ มีกลิ่นหอมอ่อน ลำต้นเทียมเกิดจากกาบใบเรียงสลับโอบซ้อนกันแน่นชูเหนือดิน ใบเดี่ยว เรียงสลับระนาบเดียว รูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน ช่อดอกแบบช่อกระจุกเชิงประกอบกึ่งช่อกระจะ ออกที่ปลายลำต้นเทียม ตั้งขึ้น ดอกสีขาว มีกลิ่นหอม ผลแบบผลแห้งแตก ทรงรูปไข่หรือรูปทรงกระบอก มีใบประดับ ใบประดับย่อย และกลีบเลี้ยงขยายใหญ่ ติดทน เมล็ดรูปทรงรี มีจำนวนมาก มีเยื่อหุ้มเมล็ดสีแดงอมส้ม

ตาเหินหลวงเป็นไม้ล้มลุกหลายปี บางครั้งพบเป็นพืชอิงอาศัย มักพบเป็นต้นเดี่ยวหรือแตกกอ เหง้าค่อนข้างใหญ่ ฉ่ำน้ำ มีกลิ่นหอมอ่อน ลำต้นเทียมเกิดจากกาบใบเรียงสลับโอบซ้อนกันแน่นชูเหนือดิน สูง ๐.๗-๓.๒ ม.

 ใบเดี่ยว เรียงสลับระนาบเดียว มี ๕-๙ ใบ รูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน กว้าง ๒๔-๓๓ ซม. ยาว ๓๖-๕๐ ซม. ปลายเรียวแหลมถึงยาวคล้ายหาง โคนรูปลิ่ม ขอบเรียบหรือเป็นคลื่นเล็กน้อย แผ่นใบค่อนข้างหนาคล้ายแผ่นหนัง ด้านบนเกลี้ยง ด้านล่างมีขน เส้นกลางใบเป็นร่องตื้นทางด้านบน ส่วนใกล้โคนเป็นร่องลึกไปถึงก้านใบ นูนชัดทางด้านล่าง เส้นแขนงใบจำนวนมาก เรียงค่อนข้างขนานกัน ก้านใบสั้น ลิ้นใบสีเขียวอมแดงหรือสีส้มอมแดง รูปขอบขนาน กว้าง ๕-๖ ซม. ยาว ๔.๓-๖ ซม. เป็นเยื่อค่อนข้างบางและโปร่งแสง มีขน ปลายแยกเป็นแฉกตื้น ๒ แฉก ปลายสุดมน กาบใบสีเขียว ค่อนข้างหนาและอวบน้ำ มี ๒-๔ กาบที่อยู่ใกล้โคนลำต้นเทียมไม่มีแผ่นใบ กาบที่อยู่เหนือขึ้นไปสูงได้ถึง ๒.๕ ซม. เรียงสลับโอบซ้อนกันแน่น

 ช่อดอกแบบช่อกระจุกเชิงประกอบกึ่งช่อกระจะ ออกที่ปลายลำต้นเทียม ตั้งขึ้น ยาว ๓๕-๕๓ ซม. มีขน ก้านช่อดอกรูปทรงกระบอก ยาว ๑๒.๕-๒๑ ซม. มีขน มีใบประดับ ๒๐-๕๐ ใบ ใบประดับที่โคนก้านช่อหนาคล้ายแผ่นหนัง รูปคล้ายใบ ถัดขึ้นไปมีใบประดับค่อนข้างโปร่ง สีเขียว กางออก รูปใบหอกถึงรูปไข่กลับ กว้าง ๒.๓-๓ ซม. ยาว ๖-๗ ซม. ม้วนเป็นหลอด ปลายแหลม มีขน ใบประดับย่อยสีเขียวอ่อน ค่อนข้าง



บางและโปร่งแสง ขนาดค่อย ๆ เล็กลงไปสู่ปลายช่อย่อย ส่วนใหญ่รูปคล้ายสามเหลี่ยม กว้าง ๐.๗-๒.๒ ซม. ยาว ๑.๙-๕.๓ ซม. มักม้วนเป็นหลอด ปลายแหลม มีขน แต่ละซอกใบประดับมี ๗-๑๑ ดอก พบน้อยที่มี ๒-๓ ดอก ทยอยบานไปสู่ปลายช่อ ดอกสีขาว มีกลิ่นหอม กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด กว้าง ๓-๔ มม. ยาว ๖-๖.๒ ซม. มีขน ปลายแยกเป็นแฉกด้านเดียว ปลายสุดหยักซี่ฟัน ๓ หยัก กลีบดอกสีขาว โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดแคบ กว้างประมาณ ๓ มม. ยาว ๖-๖.๔ ซม. ปลายแยกเป็น ๓ แฉก แต่ละแฉกรูปแถบ กว้าง ๔-๕ มม. ยาว ๕.๔-๕.๖ ซม. ปลายคุ่ม ปลายสุดแหลมคล้ายหนาม เกสรเพศผู้ ๖ เกสร ที่สมบูรณ์มี ๑ เกสร อับเรณูสีเหลือง กว้าง ๒-๓ มม. ยาว ๑.๒-๑.๕ ซม. โคนกางออกมาก ก้านชูอับเรณูสีเหลือง ยาว ๔.๙-๗.๔ ซม. เกสรเพศผู้ที่เหลืออีก ๕ เกสรเป็นหมันและเปลี่ยนรูปคล้ายกลีบดอก มี ๓ เกสรที่อยู่ตรงกลางเชื่อมติดกันและเปลี่ยนเป็นกลีบปาก สีขาว มีจุดประสีเขียวอ่อนที่โคนกลีบ รูปกลมหรือเกือบกลม กว้าง ๒.๕-๓.๔ ซม. ยาว ๓-๔.๒ ซม. ปลายแยกเป็นแฉกลึก ๑.๓-๑.๕ ซม. โคนสอบเรียวคล้ายก้านกลีบ กว้าง ๔-๖ มม. ยาว ๐.๗-๑.๔ ซม. ขอบเรียบหรือเป็นคลื่น อีก ๒ เกสรอยู่ข้างกลีบปากข้างละ ๑ เกสร แยกอิสระเป็นกลีบคู่ข้าง รูปใบหอกกลับแกมรูปขอบขนาน กว้าง ๐.๕-๑ ซม. ยาว ๓.๒-๔.๒ ซม. รังไข่อยู่ใต้วงกลีบ รูปไข่กว้าง กว้าง ๖-๘ มม. ยาว ๔-๕ มม. มีขน มี ๓ ช่อง แต่ละช่องมีออวุลจำนวนมาก ก้านยอดเกสรเพศเมียมี ๓ ก้าน ที่สมบูรณ์มี ๑ ก้านรูปคล้ายเส้นด้าย ยอดเกสรเพศเมียคล้ายรูปถ้วย สีเขียว มีขนหนาแน่น ก้านยอดเกสรเพศเมียที่ไม่สมบูรณ์อีก ๒ ก้านลดรูปเป็นติ่ง กว้างประมาณ ๑ มม. ยาว ๕-๖ มม. สีเหลือง ติดอยู่เหนือรังไข่

 ผลแบบผลแห้งแตก ทรงรูปไข่หรือรูปทรงกระบอก กว้าง ๑.๔-๑.๘ ซม. ยาว ๓.๒-๓.๙ ซม. สีเขียว มีขน มีใบประดับ ใบประดับย่อย และกลีบเลี้ยงขยายใหญ่ ติดทน เมล็ดรูปทรงรี มีจำนวนมาก กว้าง ๔-๕ มม. ยาว ๕-๖ มม. มีเยื่อหุ้มเมล็ดสีแดงอมส้ม

 ตาเหินหลวงมีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทางภาคเหนือ พบบริเวณพื้นล่างของป่าสนและป่าดิบเขา ที่สูงจากระดับทะเลปานกลาง ๑,๐๐๐-๑,๗๐๐ ม. ออกดอกเดือนสิงหาคมถึงกันยายน เป็นผลเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน ในต่างประเทศพบที่อินเดีย ภูฏาน เนปาล บังกลาเทศ เมียนมา จีน และเวียดนาม.

ชื่อหลักหรือชื่อทางการ
ตาเหินหลวง
ชื่อวิทยาศาสตร์
Hedychium stenopetalum G. Lodd.
ชื่อสกุล
Hedychium
คำระบุชนิด
stenopetalum
ชื่อผู้ตั้งพรรณพืช
- Loddiges, George
ช่วงเวลาเกี่ยวกับผู้ตั้งพรรณพืช
- (1784-1846)
ชื่ออื่น ๆ
คอยาอึ (แม่ฮ่องสอน)
ผู้เขียนคำอธิบาย
นายจักรกฤษณ์ ศรีแสง