ช้างงาผาเป็นไม้ล้มลุกหลายปี สูง ๐.๒-๑ ม. ลำต้นตรง เป็นสัน มีขนประปราย ขนมีก้าน
ใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปไข่หรือรูปรี กว้าง ๒-๗ ซม. ยาว ๕-๑๕ ซม. ปลายแหลมถึงเรียวแหลม โคนสอบเรียว ขอบจักฟันเลื่อย แผ่นใบบางคล้ายกระดาษมีขนรูปร่างคล้ายแส้ประปรายทั้ง ๒ ด้าน และมีต่อมที่มีก้าน เส้นแขนงใบข้างละ ๗-๑๒ เส้น ก้านใบยาวได้ถึง ๔ ซม.
ช่อดอกแบบช่อกระจุกแน่น เป็นช่อเดี่ยวหรือเป็นช่อแยกแขนงโปร่ง ออกที่ปลายยอด แต่ละช่อรูปคล้ายระฆัง ยาว ๑.๕-๒ ซม. มีก้าน ฐานดอกแบนเกลี้ยง วงใบประดับรูประฆัง กว้าง ๐.๘-๑.๕ ซม. สูง ๐.๗-๑ ซม. ใบประดับสีเขียวอ่อน ที่ปลายอาจมีสีม่วง เรียงเป็น ๖-๗ ชั้น ซ้อนเหลื่อมกัน ขอบเรียบด้านนอกมีขนประปราย ใบประดับชั้นนอกและชั้นกลางรูปไข่หรือรูปใบหอก ปลายเรียวแหลม โค้งลงชั้นในรูปใบหอกถึงรูปขอบขนาน ปลายยาวเป็นหางดอกย่อยในช่อมีแบบเดียวเป็นดอกสมบูรณ์เพศมีประมาณ ๖๐ ดอก สมมาตรตามแนวรัศมี กลีบเลี้ยงลดรูปเป็นเส้น กลีบดอกสีม่วง รูปกรวย มีขนสั้นนุ่มและมีต่อมที่มีก้าน โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาว ๐.๗-๑ ซม. ปลายหยักซี่ฟัน ๕ หยัก ยาว ๒-๓ มม. อับเรณู ๕ อับ ยาว ๒.๘-๓ มม. เชื่อมติดกัน ปลายเป็นรยางค์แหลม โคนมน รังไข่อยู่ใต้วงกลีบ มี ๑ ช่อง ออวุล ๑ เม็ด ก้านยอดเกสรเพศเมียสีม่วง ปลายแยกเป็น ๒ แฉก ด้านในมีตุ่ม ยอดเกสรเพศเมียเล็ก มีขนคล้ายไม้กวาด ยาวจนถึงใต้รอยแยก
ผลแบบผลแห้งเมล็ดล่อน รูปทรงกระบอก ยาว ๓-๓.๕ มม. มีสัน ๑๐ สัน มีต่อมประปราย มีกลีบเลี้ยงติดทนเปลี่ยนรูปเป็นหนาม เรียง ๑ ชั้น ยาว ๒-๘ มม. ร่วงเร็ว เมล็ดรูปคล้ายทรงกระบอก มี ๑ เมล็ด
ช้างงาผามีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยเกือบทุกภาค พบขึ้นตามเขาหินปูน ที่สูงจากระดับทะเล ๑๐๐-๕๐๐ ม. ออกดอกและเป็นผลเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน ในต่างประเทศพบที่อินเดียภูมิภาคอินโดจีน คาบสมุทรมาเลเซีย.