กระปรอกเล็กเป็นเฟิร์นอิงอาศัย เหง้าทอดยาว เส้นผ่านศูนย์กลาง ๐.๖-๑ ซม. มีเกล็ดฐานกลม สีน้ำตาลอ่อนหรือน้ำตาลเข้ม กว้าง ๑-๒ มม. ยาว ๐.๗-๑ ซม. ปลายค่อย ๆ เรียว ขอบเกล็ดมีขน
ใบมีลักษณะแตกต่างกัน ๒ ชนิด ใบไม่สร้างอับสปอร์เป็นใบเดี่ยว รูปใบหอก กว้าง ๖-๑๒ ซม. ยาว ๑๐-๓๕ ซม. ขอบหยักเว้าเข้าหาเส้นกลางใบ ลึกประมาณ ๑ ใน ๓ จากขอบใบ เส้นใบนูนเป็นสันชัดเจนทั้ง ๒ ด้าน เมื่อแตกใบใหม่จะมีสีเขียวและมีขนรูปดาว เมื่อเจริญเต็มที่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและแห้งติดอยู่กับต้น ใบสร้างอับสปอร์เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ รูปขอบขนาน กว้าง ๒๐-๓๐ ซม. ยาวได้มากกว่า ๑ ม. ก้านใบสีน้ำตาลแดงถึงน้ำตาลอมม่วง มีขนใบย่อยมีประมาณ ๔๐ คู่ รูปขอบขนาน กว้าง ๐.๘-๑.๔ ซม. ยาว ๑๕-๒๕ ซม. ปลายเรียวแหลม โคนสอบ ขอบจัก เส้นกลางใบสีซีดเชื่อมต่อกับแกนกลาง มีก้านสั้นหรือไม่มี เส้นใบนูนเห็นชัดเจนทั้ง ๒ ด้าน กลุ่มอับสปอร์กลม เรียงเป็นระเบียบขนานและใกล้กับเส้นกลางใบย่อยทางด้านล่างของแผ่นใบ เมื่อใบแก่และแห้งจะหลุดเหลือก้านใบและแกนกลางติดอยู่กับลำต้น
กระปรอกเล็กมีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทั่วทุกภาค ขึ้นบนไม้ต้นหรือขึ้นบนก้อนหินในป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และป่าดิบเขา บนพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเล ๔๐๐-๑,๓๐๐ ม. ในต่างประเทศพบที่พม่า ภูมิภาคอินโดจีน ภูมิภาคมาเลเซีย ภูมิภาคโปลินีเซีย และเขตศูนย์สูตรของออสเตรเลีย
ชาวเกาะเชลีเบสกินใบอ่อนเป็นผัก เฟิร์นชนิดนี้ปลูกเป็นไม้ประดับได้