ตาเสือชนิดนี้เป็นไม้ต้น สูง ๒๐-๓๕ ม. เส้นรอบวง ๑.๕-๒ ม. โคนต้นมักมีพูพอน สูง ๑-๒ ม. เปลือกนอกสีน้ำตาลแกมสีชมพูเรื่อ แตกเป็นสะเก็ดห้อยลง เปลือกในสีชมพูอ่อน มักมีน้ำยางซึมออกมา กระพี้สีขาว แก่นสีออกชมพู
ใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียวปลายคี่ เรียงเวียน ยาว ๐.๔-๑.๒ ม. ใบอ่อนสีออกแดง มีใบย่อย ๑๑-๒๑ ใบ เรียงตรงข้ามหรือเยื้องกันเล็กน้อย ใบย่อยด้านข้างรูปขอบขนาน รูปใบหอกแกมรูปขอบขนานถึงรูปไข่กลับ หรือรูปใบหอกกลับ ใบย่อยใบปลายรูปไข่กลับหรือรูปใบหอกกลับ กว้าง ๔-๙ ซม. ยาว ๗-๒๕ ซม. ปลายหยักคอดเป็นติ่งแหลม โคนมนหรือรูปลิ่มแคบเล็กน้อย มักเบี้ยว ขอบเรียบหรือเป็นคลื่น แผ่นใบค่อนข้างหนา เกลี้ยงหรือเกือบเกลี้ยง เส้นแขนงใบข้างละ ๑๐-๑๒ เส้น ปลายเส้นโค้งจดกับเส้นถัดขึ้นไปใกล้ขอบใบ เส้นกลางใบและเส้นแขนงใบแบนราบหรือเป็นร่องทางด้านบน นูนทางด้านล่าง เมื่ออ่อนมีขนสากและเกล็ด เส้นใบย่อยคล้ายขั้นบันได สังเกตเห็นได้ทางด้านล่าง ก้านใบยาว ๕-๑๕ ซม. โคนก้านค่อนข้างอวบและเป็นร่องทางด้านบน ก้านใบย่อยยาว ๐.๕-๑ ซม. ยกเว้นก้านของใบย่อยใบปลายยาวได้ถึง ๑.๕ ซม. ก้านใบและก้านใบย่อยอาจมีขนประปราย
ดอกแยกเพศและดอกสมบูรณ์เพศร่วมต้น ช่อดอกแบบช่อกระจุกเชิงประกอบ ออกตามซอกใบหรือเหนือรอยแผลใบ ช่อดอกเพศผู้ยาวได้ถึง ๕๐ ซม. มีช่อแขนงแผ่กว้าง ๑๕-๓๐ ซม. ก้านช่อดอกยาวประมาณ ๒๐ ซม. ทั้งก้านช่อดอกและช่อแขนงมีสันตามยาว ๔ สัน มีขน ก้านดอกสั้นมากและมีขน กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย กว้างประมาณ ๒ มม. ปลายแยกเป็น ๕ แฉก แต่ละแฉกรูปรี ปลายแฉกมน ขอบมีขนครุยสีแดงเรื่อ กลีบดอกสีเหลืองอ่อนหรือสีค่อนข้างขาว โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้น กว้างและยาว ๓-๕ มม. ปลายแยกเป็น ๓ แฉก ด้านนอกมีขน ด้านในเกลี้ยง เกสรเพศผู้ ๕-๘ เกสร โคนก้านชูอับเรณูเชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาว ๓-๔ มม. เกลี้ยง ช่อดอกเพศเมียคล้ายช่อดอกเพศผู้ แต่ช่อมักไม่แยกแขนงและมีดอกขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย ช่อดอกยาวได้ถึง ๑ ม. รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ รูปทรงกลม มี ๓ ช่อง แต่ละช่องมีออวุล ๑ เม็ด มีขนหนาแน่น ก้านยอดเกสรเพศเมียสั้นมาก ยอดเกสรเพศเมียรูปทรงรี มี ๓ พู สีคล้ำ ดอกสมบูรณ์เพศคล้ายดอกเพศเมีย
ผลแบบผลแห้งแตกกลางพู รูปทรงกลม มักมี ๓ พู กว้าง ๒-๔ ซม. เมื่ออ่อนสีเหลืองอ่อน ผลแก่สีออกชมพูหรือสีแดง เกลี้ยง เมล็ดสีน้ำตาลดำหรือสีดำ มี ๑-๓ เมล็ด มีเยื่อหุ้มเมล็ดสีแดงแกมสีน้ำตาลอ่อน
ตาเสือชนิดนี้มีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทั่วทุกภาค พบตามป่าดิบ ที่สูงจากระดับทะเลปานกลาง ๕๐-๔๐๐ ม. ออกดอกและเป็นผลเดือนกันยายนถึงมกราคม ในต่างประเทศพบที่อินเดีย บังกลาเทศ เมียนมา ภูมิภาคอินโดจีน และภูมิภาคมาเลเซีย
ประโยชน์ เนื้อไม้ใช้ทำแผ่นหน้าไม้อัด และทำสิ่งปลูกสร้างทั่ว ๆ ไป.