ตาลฟ้าเป็นปาล์มขนาดใหญ่ ลำต้นเดี่ยว ตั้งตรง โคนต้นบวมพอง สูง ๑๔-๒๐ ม. ลำต้นสีเทาหรือสีน้ำตาลอมเทา เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น ๒๖-๒๙ ซม. เกลี้ยง มีกาบใบเก่ารวมโคนก้านใบติดทนตามลำต้น เมื่อร่วงทิ้งรอยแผลใบเป็นวงรอบลำต้น
ใบเดี่ยว เรียงเวียน แต่ละต้นมี ๑๔-๒๑ ใบ รูปมือแกมขนนก ปลายแยกเป็นแฉกตามแนวรัศมีถึงกึ่งกลางใบ มี ๗๒-๗๖ แฉก แต่ละแฉกรูปใบหอก ขนาดไม่เท่ากัน แฉกช่วงกลางใบมีขนาดใหญ่กว่าแฉกอื่น ๆ กว้าง ๑๒-๑๕ ซม. ยาว ๑.๒-๑.๕ ม. แฉกช่วง
ดอกแยกเพศต่างต้น ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ออกตามซอกใบ ดอกออกแล้วต้นไม่ตาย ช่อดอกเพศผู้แต่ละต้นมีได้ถึง ๒๐ ช่อ ยาว ๑.๕-๑.๘ ม. ปลายห้อยลง ก้านช่อดอกยาวได้ถึง ๒๐ ซม. แต่ละช่อดอกมีช่อแขนง ๒๕-๓๕ ช่อ แต่ละช่อแขนงมีช่อแขนงย่อยแบบช่อเชิงลด ๓-๗ ช่อ กว้าง ๑-๑.๕ ซม. ยาว ๑๘-๒๓ ซม. มีใบประดับคล้ายหลอดจำนวนมาก ยาว ๓๐-๕๐ ซม. ติดทน ปลายแหลม มีไขสีขาว และเกล็ดสีน้ำตาลอมแดงประปราย ขอบเป็นชายครุย ใบประดับย่อยสีแดงอมม่วงจำนวนมาก เรียงซ้อนเหลื่อม รูปพัด ด้านในมีขนแบบขนแกะหนาแน่น ดอกเพศผู้มี ๓ ดอก ออกจากในแอ่งไม่พร้อมกัน กลีบเลี้ยงเล็ก โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น ๓ แฉก
ผลแบบผลผนังชั้นในแข็ง มี ๑-๒ พู รูปทรงรี ทรงรูปไข่ หรือรูปทรงกลม กว้าง ๑.๓-๓.๕ ซม. ยาว ๑.๕-๔.๘ ซม. ผนังผลชั้นนอกเรียบเป็นมันวาว ผนังผลชั้นกลางเป็นเส้นใย ผนังผลชั้นในหนา ผิวเป็นร่องลึกตามยาว ผลอ่อนสีเขียวอ่อน สุกสีม่วงอมดำ ก้านผลยาวได้ถึง ๑.๗ ซม. มีขนสั้นนุ่มสีน้ำตาลอมส้ม มีเมล็ด ๑-๒ เมล็ด
ตาลฟ้าเป็นพรรณไม้ต่างประเทศ มีถิ่นกำเนิดที่เกาะมาดากัสการ์ ในประเทศไทยพบปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไปในพื้นที่โล่ง ออกดอกและเป็นผลเกือบตลอดปี
ประโยชน์ เป็นไม้ประดับตามสวนสาธารณะ สถานที่ราชการ หรืออาคารบ้านเรือน สามารถทนแล้งได้ดี ลำต้นใช้ในงานก่อสร้าง ใบใช้มุงหลังคา แกนกลางลำต้นนำมารับประทานหรือทำเป็นไวน์ได้. (Dransfield et al., 2008)