ลักษณะทั่วไป เป็นกวางขนาดเล็ก ใหญ่กว่าเก้งเล็กน้อย ลำตัวยาว ๘๘-๑๑๐ เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ ๒๒ กิโลกรัม มีเขาแต่ไม่สวยงามเท่าเก้ง และเขี้ยวบนมักไม่โผล่ยื่นพ้นริมฝีปาก ด้านบนลำตัวสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ ด้านล่างสีน้ำตาลปนขาว ขนเป็นมัน หน้าสีน้ำตาลเข้ม กลางหัวมีขนสีเหลืองและขนสีดำตั้งตรงเป็นกระจุก หางสั้น ด้านบนสีดำ ด้านล่างสีขาว ต่อมน้ำตาและแอ่งน้ำตามีขนาดใหญ่ เก้งหม้อมีโครโมโซม ๘ คู่ สูตรฟัน ๐/๓ ๑/๑ ๓/๓ ๓/๓ * ๒ = ๓๔
ปรกติเก้งหม้อมักอยู่ตามลำพังตามป่าทึบที่เป็นป่าดงดิบ ไม่อยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ แต่อาจอยู่รวมเป็นกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มละ ๒-๓ ตัว และอยู่เป็นคู่ในฤดูผสมพันธุ์ ออกหากินในเวลาเช้าตรู่ พลบค่ำ และกลางคืน ถ่ายเป็นที่ ขี้มีลักษณะเป็นก้อนต่างจากเก้งซึ่งมีลักษณะเป็นเม็ด
เก้งหม้อกินใบไม้ หน่ออ่อนของต้นไม้ ผลไม้สุกทุกชนิด และหญ้า เก้งหม้อมักใช้พู่ขนบนหัวถูต้นไม้พร้อมทั้งเอาจมูกถูตามไปด้วย เป็นการทำร่องรอยทิ้งไว้เพื่อแสดงถิ่นของมัน สำหรับตัวผู้จะใช้เขาและพู่ขนถูจนเป็นรอยบนต้นไม้เห็นได้ชัดเจน
ตามธรรมชาติเก้งหม้อจะผสมพันธุ์กันในฤดูหนาว แต่ถ้าเลี้ยงในกรงจะสามารถผสมพันธุ์ได้ตลอดปี ตั้งท้องนาน ๒๓๘-๒๔๐ วัน ออกลูกคราวละ ๑ ตัว ลูกอ่อนขี้เป็นเม็ด
เก้งหม้อเป็นสัตว์ที่หายากมาก พบเฉพาะแถบเทือกเขาตะนาวศรีและภาคใต้ของประเทศไทย เช่น จังหวัดระนอง และสุราษฎร์ธานี
เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองของประเทศไทย.