ลักษณะทั่วไป เป็นเต่าทะเลขนาดใหญ่ หนักได้ถึง ๙๐ กิโลกรัม วัดความยาวของกระดองหลังได้ถึง ๘๕ เซนติเมตร แผ่นเกล็ดบนกระดองหลังเรียงซ้อนเหลื่อมกันคล้ายกระเบื้องมุงหลังคา แผ่นเกล็ดกระดองมีลักษณะโปร่งแสงคล้ายเซลลูลอยด์ แถวกลางมี ๕ ชิ้น แถวข้างมีข้างละ ๔ ชิ้น บริเวณปลายของแผ่นเกล็ดกระดองแต่ละแผ่นเป็นสัน ปลายปากเป็นจะงอยแหลมงุ้มคล้ายปากเหยี่ยว ขาทั้งสี่เป็นพายซึ่งเป็นลักษณะของเต่าทะเล ขาหน้ามีขนาดใหญ่กว่าขาหลังมากเพราะเป็นขาหลักในการพุ้ยว่ายน้ำ
เมื่อดูเผิน ๆ จะเห็นว่า กระมีสีน้ำตาล แต่หากพิจารณาให้ละเอียดในแต่ละแผ่นเกล็ดกระดองจะเห็นว่ามีพื้นสีน้ำตาลเหลืองโปร่งแสงลายสีน้ำตาลเข้ม ส่วนหัวและขามักมีสีเข้มกว่าส่วนอื่น กระดองท้องและผิวหนังสีนวล
กระอาศัยอยู่ในทะเลโดยตลอด จะขึ้นบกตามชายหาดเฉพาะเมื่อต้องการจะวางไข่ โดยขึ้นบริเวณชายหาดพ้นน้ำแล้วขุดหลุมวางไข่ แต่ละครั้งจะวางไข่ ๑๐๐-๒๐๐ ฟอง ไข่มีลักษณะกลม เปลือกนิ่มเหนียวเรียกว่า ไข่จะละเม็ด เช่นเดียวกับไข่เต่าทะเลชนิดอื่น ๆ เมื่อวางไข่แล้วจะกลบหลุม ปล่อยให้ไข่ฟักเป็นตัวเอง ซึ่งใช้เวลาประมาณ ๕๐ วัน
กระนอกจากจะกินสัตว์น้ำ เช่น ปลา กุ้ง ปู แล้วยังกินสาหร่ายทะเลด้วย พบทั่วไปในทะเลแถบร้อน
ไข่กระนิยมนำมาเป็นอาหาร ส่วนเนื้อกินไม่ได้ เพราะเคยปรากฏว่ามีอันตรายจากการกินเนื้อ และน้ำมันของกระ นอกจากนั้นได้มีผู้นำแผ่นเกล็ดกระดองหลังของกระมาประดิษฐ์เป็นของใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น หวี ปิ่น กำไลมือ
เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองของประเทศไทย.